ต้นยางนาใหญ่ อายุมาก ใช้หลายคนโอบ


แนะนำพันธุ์ไม้ ประโยชน์วิธีปลูกต้นไม้
กิตติ พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ รุ่นใหญ่ เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีผลงานและได้คว้ารางวัลการทำบอนไซในงานต่างๆ มากมาย ด้วยการที่มีใจรักทำให้เกิดบอนไซที่มีความละเอียด และประณีต อย่างมาก เพราะด้วยมีฝีไม้ลายมือที่ยอดเยี่ยมและหาใครเทียบได้ คนในวงการบอนไซต่างก็ต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี ในชื่อของ “ครูน้อย”
คุณ กิตติ พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ เล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยก่อนการเล่นบอนไซของคนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการขุดต้นไม้จากธรรมชาติ ขุดตามหลังบ้าน หรือท้ายไร่ท้ายนา แล้วนำมาปลูกเลี้ยงเพื่อเป็นไม้ประดับ แต่ในปัจจุบันนี้ต้นไม้ที่เคยได้จากธรรมชาติเริ่มลดน้อยลงและหายาก ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาขยายพันธุ์ด้วยการตอน เพาะเมล็ด และตอนกิ่ง กันมากขึ้น แต่การทำบอนไซนั้นต้องอาศัยต้นตอที่สวยงามด้วย อย่างพวกไม้ที่เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง จะหาต้นตอยาก เพราะต้องใช้เวลาในการเลี้ยงค่อนข้างนาน แล้วส่วนใหญ่รากจะเล็ก ไม่ค่อย มีโขด หรือมีโคนราก ไม่เหมือนกับไม้ที่นำมาจากป่า จะมีโคนรากใหญ่ เป็นไม้ที่มีอายุเก่าแก่ เหมาะกับการมาทำเป็นบอนไซ
ครูน้อยกล่าวว่า ที่หลังบ้านได้ทำการสร้างตอไว้เหมือนกัน เพื่อเป็นแหล่งวัตุดิบสำรองให้กับตัวเอง ส่วนตัวครูน้อยมีความสนใจในไม้ไทยและได้นำไม้เด่นของเพชรบุรี อย่างเช่น เกล็ดปลาหมอ หนามพรม ไม้ซากเทียนทะเล หรือหมากเล็กหมากน้อย ตะโก เพรมน่า มะสัง มะขาม
ซึ่งแต่ละต้นจะมีข้อดีแตกต่างกันไป แต่เหมาะที่จะนำมาทำบอนไซอย่างยิ่ง ครูน้อยได้แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงบอนไซว่า เราต้องเลี้ยงในที่มีอากาศดี โปร่ง และแสงแดดดี จะทำให้ไม่มีโรค ส่วนการใส่ปุ่ย นานๆ ให้ใส่ครั้งหนึ่งก็พอ อาจจะใส่เป็นปุ๋ยเคมีบ้าง ปุ๋ยคอกบ้างก็ได้ ส่วนการตัดแต่งใบ ให้ใช้เป็นกรรไกรตัดจะดีกว่าการใช้มือเด็ด หรือการใช้มีด เพราะจะได้ไม่ไปทำให้กิ่งฉีกและตากิ่งเสียหาย ที่สำคัญมีไม้บางชนิดไม่ควรริดใบออกหมดเพราะจะทำให้ไม้ทิ้งกิ่ง ฉะนั้นในการริดใบจะต้องริดแบบเอาปลายใบไว้ด้วย
คุณ กิตติ พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ กล่าวว่า การทำบอนไซ เป็นงานศิลปะ ที่ต้องคิดออกแบบให้ดูดี ซึ่งต้องใช้เวลา และยังต้องใช้ฝีมือในการทำอย่างมาก ซึ่งทุกครั้งที่ได้ทำบอนไซ จะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่ฟุ้งซ่าน มีสมาธิ ช่วยทำให้จิตใจสงบได้เป็นอย่างดี
กล้วยป่าด่าง ของป่าแต่งสวน เดิมคนไทยปลูกกล้วยไว้เป็นไม้มงคลประจำบ้าน โดยมีเคล็ดว่าถ้ามีต้นกล้วยอยู่ในบ้านทำการงานอะไรจะราบรื่นเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่เหตุผลหลักคือปลูกไว้เพื่อเก็บผลมารับประทาน ซึ่งถือว่าเป็นผลไม้ที่ให้คุณประโยชน์ทางโภชนาการเป็นอย่างมาก เด็กกินดีผู้ใหญ่กินได้ แต่ใครจะคิดล่ะว่า..ปัจจุบันเป้าประสงค์ของการปลูกกล้วยนั้นเปลี่ยนไป กลายเป็นไม่ได้ปลูกไว้เพื่อรับประทานแต่มีไว้เพื่อประดับบ้านและบารมีเจ้าของ กล้วยที่ว่านั้นตอนนี้เป็นที่รู้จักกันดีนั่นคือ กล้วยด่าง
จะว่าไปทุกสายพันธุ์กล้วยตอนนี้ถ้าต้นไหนด่างจะเป็นที่สนใจของนักสะสมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ตานี กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า เทพพนม และสายพันธุ์อื่นๆอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับความนิยมว่าช่วงไหนกระแสพันธุ์อะไรมา แม้กระทั่งกล้วยป่าด่าง ถ้าตามชื่อมันก็ควรเป็นกล้วยที่อยู่ในป่า แต่ถ้าต้นไหนด่างก็จะโดนย้ายรกรากมาปลูกเติบโตอยู่สวนในบ้านแทน ทั้งที่ผลก็ไม่อร่อย จริงๆแล้วกล้วยป่าด่างเป็นกล้วยด่างสายพันธุ์แรกๆที่นักสะสมในวงการกล้วยด่างจะรู้จักกันดี เพราะเป็นกล้วยที่ขึ้นตามธรรมชาติป่าเขาถึงจะหายากแต่ก็ไม่ต้องไปหาซื้อเสียเงิน ปัจจุบันก็ยังมีคนเข้าป่าลึกฝ่าดงเขาหากันอยู่ ใครเจอก็เหมือนถูกรางวัลนำมาขายโดยไม่มีต้นทุนอะไร บางคนก็นำมาขยายพันธุ์ขายเมล็ดขายหน่อสร้างรายได้ดีกว่าของป่าทั่วไปซะอีก
ถึงกล้วยป่าด่างราคาไม่แรงเท่าสายพันธุ์อื่น เช่น ฟลอริด้า หรือแดงอินโด แต่ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย ราคาก็จะขึ้นอยู่กับลายด่างเช่นกัน และสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักกันในตลาดซื้อขายคือ
ลายหินอ่อน ลักษณะลายด่างจะเป็นสีขาวถึงเขียวอ่อน ลายด่างจะมีให้เห็นอยู่ทั่วใบจนถึงก้านใบ ลวดลายจะดูคล้ายลายหินอ่อน จึงเป็นที่มาของชื่อนี้
ลายเสือพราน กล้วยป่าด่างตัวนี้จะค่อนข้างทำให้คนสับสนมากพอสมควร บางทีแค่ใช้สายตาดูก็อาจจะงงๆเหมือนกันว่าแล้วมันต่างกันตรงไหน เพราะจะมีเสือพรานด่างอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ลักษณะจะคล้ายกันมากแต่ราคาก็จะสูงกว่ามาก ข้อสังเกตความต่างระหว่างสองสายพันธุ์นี้คือให้ดูที่ทรงใบ ถ้าเป็นกล้วยป่าด่างลายเสือพรานจะสั้นและอ้วนกว่า ก้านใบและลำต้นจะเป็นสีเขียว หลังใบเป็นสีเขียวหม่น ในส่วนที่คล้ายกันจนทำให้สับสนคือลายที่แทบจะแยกกันไม่ออกกับสีของลายด่างจะเป็นสีแดงเข้มหรือสีเลือดหมู
ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี อีกหนึ่งไม้ดอกไม้ประดับที่อยากจะแนะนำให้คนรักการแต่งบ้านนั่นก็คือ “ต้นเดหลี” เพราะนอกจากจะมีดอกสีขาวสวยสไตล์มินิมอลแล้ว ยังมีคุณสมบัติเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ ช่วยดูดซับมลพิษได้อีกด้วย หลายคนมักจะคุ้นเคยกับต้นเดหลีที่ใช้แต่งสวน แต่ความจริงแล้วก็แต่งบ้านได้เหมือนกัน จะต้องปลูกอย่างไร และต้องดูแลแบบไหน ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลย
ปัจจุบันต้นเดหลี หรือ Peace Lily เป็นไม้ดอกที่มีสายพันธุ์มากกว่า 40 ชนิด เช่น เดหลีใบกล้วย เดหลีจักรพรรดิ์ เดหลีใบด่าง ฯลฯ มีลักษณะเป็นไม้พุ่มเตี้ย ดอกจะมีใบประดับเป็นทรงหัวใจ มีสีขาว ดูคล้ายกับดอกหน้าวัว ชอบออกดอกเยอะในฤดูฝน ต้นเดหลีมีใบเดี่ยว สีเขียวเข้ม เป็นมันดูสดชื่น ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่น เมื่อโตเต็มที่ ต้นเดหลีจะสูงได้มากถึง 60 เซนติเมตร
ต้นเดหลีเป็นไม้ดอกที่ไม่ชอบแดดจัด เพราะจะทำให้ใบไหม้ และต้องการดินที่มีความชื้นสูง ดินที่ควรใช้ปลูกต้นไม้ชนิดนี้คือดินร่วน ควรหมั่นรดน้ำบ่อย ๆ ทุกวันได้ยิ่งดีเพราะต้นเดหลีชอบความชื้น ขณะเดียวกันควรเลือกพื้นที่ปลูกที่มีแดดอ่อน ๆ เช่น ริมหน้าต่างห้อง ใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงา หรือหากปลูกในอาคารที่แสงส่องไม่ถึง ควรพอออกมาเจอแดดบ้าง อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 18-24 องศาเซลเซียส
หากอยากเลี้ยงต้นเดหลีให้ออกดอกสวยงาม ควรเพิ่มสารอาหารโดยการให้ปุ๋ยคอกผสมในน้ำและใช้รดเดือนละครั้ง และยังสามารถผสมปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยสูตร 15-15-15 ปีละสองครั้ง เพื่อให้ต้นไม้มีความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้น ใบของเดหลีก็ไม่ควรละเว้นการดูแลนะคะ เพราะหากปล่อยไว้อาจจะเจอกับแมลงมากัดกินได้ ดังนั้นแนะนำให้หมั่นนำผ้านุ่ม ๆ มาเช็ดที่ใบเสมอ เพื่อคงความเงางามและความสดชื่นนั่นเองค่ะ
ต้นเดหลีดูแลง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในร่ม และกลางแจ้ง ในกระถาง หรือปลูกลงดิน นอกจากจะเป็นไม้ดอกเหมาะประดับบ้านหรือแต่งสวนแล้ว ต้นเดหลียังเป็นต้นไม้ฟอกอากาศที่องค์กรนาซารับรองอีกด้วย สามารถดูดซับสารพิษอย่างแอลกอฮอล์ เบนซิน ฟอร์มัลดีไฮด์ ไตรคลอโรเอทธิลีน ซึ่งจะมีอยู่ในน้ำยา หรือหมึกต่าง ๆ โดยสารพิษเหล่านั้น เมื่อถูกดูดซับไปแล้วจะเปลี่ยนเป็นธาติอาหารให้กับต้น ในด้านความเชื่อ เดหลียังนักว่าเป็นพืชมงคล ที่ว่ากันว่าจะช่วยให้เจ้าของมีสุขภาพแข็งแรง ไร้โรคภัยถามหา และยังเรียกโชคลาภได้อีกด้วย
แคคตัสแมมขนแมวและแมมขนแกะ บ้านหลังไหนไม่ได้ปลูกกระบองเพชรแอดบอกได้เลยค่ะว่าพลาดมากเพราะต้นกระบองเพชรเป็นพืชที่ปลูกได้ง่ายถึงจะไม่ค่อยมีเวลาดูแลก็สามารถปลูกได้และยังเรียกทรัพย์เข้ามาหาเราด้วยนี่แหละค่ะคือสิ่งที่แอดบอกว่าพลาด แต่กระบองเพชรในไทยเราที่นำมาเพาะขยายพันธุ์นั้นมีหลากหลายสายพันธุ์โดยแต่ละพันธุ์ก็จะมีการออกดอกแตกหน่อที่ต่างกันไปวันนี้แอดอยากนำเสนอแคคตัสแมมขนแมวและแมมขนแกะซึ่งพันธุ์นี้จะมีลักษณะคล้ายกันทำให้คนนำชื่อมาตั้งรวมกันเพราะแมมขนแมวถูกพัฒนามาเป็นแมมขนแกะทำให้หลายคนนำสองชื่อนี้มารวมกัน
ลักษณะของต้นแคคตัสแมมขนแมวและแมมขนแกะ
แคคตัสขนแกะจะมีขนที่นุ่มฟูกว่าแคคตัสขนแมวลำต้นเป็นทรงหัวกลมจะมีหนามที่แหลมมากปลายหนามจะยื่นออกมาและโค้งงอคล้ายกับตะขอถ้าเดินไปเกี่ยวอาจจะทำให้แคคตัสหล่นมาทั้งกระถางได้เพราะมีหนามที่แข็งแรงและคมมากขนของขนแมวจะมีความโปร่งฟูไม่มากยังสามารถมองเห็นลำต้นสีเขียวได้แต่ถ้าเป็นขนแกะจะมีความหนาทึบมีความนุ่มฟูมากกว่า ลำต้นจะมีความนุ่มบริเวณโคนจะเป็นสีออกแดงๆถ้าใครสงสัยว่าน้องตายรึป่าวทำไมลำต้นนุ่มโคนสีแดงบอกเลยค่าน้องโตมาแบบนี้ไม่มีอะไรผิดปกตินะคะ จะเป็นดอกเล็กๆมีสีชมพูโดยจะออกดอกบ่อยมากเมื่อโตได้เต็มที่ตอนเช้าดอกจะบานเมื่อโดนแสงอาทิตย์และจะบานตลอดทั้งวันเมื่อพระอาทิตย์ตกดอกก็จะหุบ
การดูแลต้นแคคตัสแมมขนแมวและแมมขนแกะ
กลุ่มบอนสี บอนสีถือได้ว่าเป็นไม้ประดับที่ฆ่าไม่ตาย เพราะนอกจากจะอยู่คู่กับวงการไม้ประดับของไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตแล้ว ในปัจจุบันนี้ ความนิยมของต้นบอนสีเองก็ยังเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมจากผู้คนมากมายในประเทศ ซึ่งมีความต้องการไม้ประดับชนิดนี้อยู่ในระดับสูงเลยทีเดียว
ต้นกำเนิดของบอนสี
ต้นบอนสีนั้นถือได้ว่าเป็นไม้ใบ ที่จัดอยู่ในประเภทไม้ประดับโดย รวมอยู่ในสกุลของ Caladium และวงศ์ Araceae พืชสายพันธุ์นี้ได้รับชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Caladium Bicolor โดยถิ่นกำเนิดของต้นบอนสีนั้น เชื่อกันว่าแรกเริ่มน่าจะถือกำเนิดขึ้นทั้งแถบทวีปยุโรป, อเมริกาใต้ รวมไปถึงภายในประเทศอินโดนีเซีย และอินเดีย โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น นิทานกันว่า ต้นว่านสี่ทิศได้ถูกนำเข้ามาปลูกในช่วงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ของรัชกาลที่ 5 นั่นเอง
ประเภทกลุ่มของต้นบอนสี
สำหรับต้นบอนสีนั้นสามารถแบ่งแยกประเภทกลุ่มตามลักษณะใบออกเป็น 4 กลุ่มได้ ดังต่อไปนี้
ในกลุ่มนี้จะมองเห็นลักษณะทางกายภาพของใบคล้ายกับรูปหัวใจ บริเวณโคนของใบจะมีลักษณะกลมมน ส่วนปลายของใบจะเรียวแหลม ซึ่งกลุ่มบอนสีแบบใบไทยนั้นสามารถยกตัวอย่างได้ เช่น พญาเศวต(ตันแพลง) พญามนต์ ปาเต๊ะ ไฟแสงจันทร์ ม่านนางพิม ไก่ราชาวดี และสาวน้อยประแป้งเป็นต้น
ลักษณะทางกายภาพของกลุ่มบอนสีแบบใบกลมนั้น จะดูลักษณะใบเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ และมีปลายเป็นติ่งขนาดเล็ก ส่วนของก้านนั้นจะขึ้นอยู่บริเวณกึ่งกลางใบ ซึ่งบอนสีแบบใบกลมนี้สามารถยกตัวอย่างได้หลากหลาย ได้แก่ ยูเรนัส เมืองชล เมืองสุวรรณภูมิ เมืองสยาม และ Bangkok เป็นต้น
ลักษณะทางกายภาพของต้นบอนสีกลุ่มนี้ จะดูคล้ายกับ ลักษณะใบในกลุ่มบอนสีแบบใบไทย แต่บริเวณส่วนปลายจะมองดูเรียวเล็กมากกว่า และส่วนโคนใบนั้นจะมีการฉีกเว้าเข้ามาจนถึงส่วนของก้านใบ ซึ่งบอนสีแบบใบกลมนั้น สามารถยกตัวอย่าง ได้เช่น กวนอิม ฮกหลง กรวยทอง คุณหญิง ไชยปราการ หงส์เหิน และจักรราศีเป็นต้น
ลักษณะทางกายภาพของกลุ่มบอนสีแบบใบกาบนั้น จะมองดูคล้ายกับรูปหัวใจขนาดใหญ่ โดยในส่วนของการใบนั้นจะมีการแพออกเล็กน้อยตั้งแต่บริเวณโคนมาจนถึงกึ่งกลาง ซึ่งมองดูแล้วมีลักษณะคล้ายกับใบผักกาดนั่นเอง โดยตัวอย่างของบอนสีแบบใบกาบนั้น ได้แก่ อังศุมาลิน เรือนแก้ว รัชมงคล เทพลีลา ขันธกุมาร และทุ่งบางพลีเป็นต้น
อย่างไรก็ตามนอกเหนือไปจากการแบ่งกลุ่มบอนสีตามลักษณะของใบแล้ว การเลี้ยงสามารถแบ่งออกตามรูปแบบประเภทของสายพันธุ์ได้ เช่นเดียวกัน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มดังต่อไปนี้
โดยการแบ่งกลุ่มของบอนสีตามแต่ละรูปแบบนั้น ผู้อ่านสามารถใช้รูปแบบใดก็ได้ตามความต้องการ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความถนัดและความรู้ความเข้าใจของตัวผู้ปลูกนั่นเอง
ต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ กระแสนิยมกำลังมาแรงกับการปลูกต้นไม้ด่าง และการซท้อขายต้นไม้ด่าง ไม่ว่าจะเป็น ต้นกล้วยด่าง มอนเสตอร่าด่าง ต้นบอนด่าง สาวน้อยปะแป้งด่าง และที่มาแรงไม่แพ้กันก็เห็นจะเป็นต้นถุงเงินถุงทองด่าง ต้นไม้ที่หลายบ้านมีปลูกช่วยเสริมสร้างสิริมงคล และมีหน้าตาที่เป็นด่างอยู่แล้ว บางคนอาจสงสัยว่า ต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ราคาไม่สูงเท่าต้นไม้ด่างชนิดอื่น ๆ อาจจะเนื่องด้วย ต้นถุงเงินถุงทองมีหน้าตาที่เป็นด่างบริเวณขอบใบอยู่แล้ว จึงเป็นชนิดที่ไม่ได้หายากมากเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตาม ต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ ราคาก็ยังสูงถึงหลักพันอยู่ดี
วันนี้เราจึงจะพามาดูราคาของต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ หรือต้นที่โตเต็มวัย รวมถึงต้นถุงเงินถุงทองด่างที่มีลวดลายหายาก และจะแนะนำร้านที่ขายต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ สำหรับใครที่อยากปลูก แต่ยังหาซื้อยาก สามารถรับวาร์ปจากที่นี่ได้เลยจ้า
ลักษณะต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ที่สมบูรณ์ จะมีก้านและใบสีเขียวเข้ม และลายด่างสีขาวประปรายบริเวณใบ ใบจะมีถุงห่อตรงปลาย ลักษณะถุงห่อจะต้องไม่แตกออกจากัน และสามารถอุ้มน้ำได้ สำหรับต้นที่มีขนาดใหญ่สมบูรณ์จะต้องสูง 80-100 เซนติเมตรขึ้นไป นิยมนำมาปลูกเพื่อส่งเสริมโชคลาภทางการเงิน และการค้าขาย
ลักษณะต้นถุงเงินถุงทองด่างที่หายาก เหมือนที่หลายคนเข้าใจก็คือ ต้นถุงเงินถุงทองมีใบที่เป็นด่างอยู่แล้ว ทำไมถึงมีราคาที่แตกต่างกันในส่วนของไม้ด่าง แน่นอนว่าราคาที่สูงขึ้น จะขึ้นอยู่กับลักษณะรอยด่าง และรูปร่างของใบที่สมบูรณ์ หากมีรอยด่างสวย หรือใบรูปร่างสวยงามสมส่วน ราคาจะสูงกว่าต้นถุงเงินถุงทองทั่วไปแน่นอน
ร้านขายต้นถุงเงินถุงทองใหญ่จากเว็บ ซื้อ ขาย ออนไลน์ shoppee
เป็นอย่างไรกันบ้างกับต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ ราคาถือว่าถูกกว่าต้นไม้ด่างชนิดอื่น ๆ แต่ลวดลายและประโยชน์มีมากไม่แพ้ต้นไม้ชนิดอื่น ๆ หากใครกำลังมองหาต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ สามารถตามดูที่ร้านค้าที่แนะนำได้เลย
วิธีกินฟ้าทะลายแบบสด ต้นฟ้าทะลายโจร หรือต้นฟ้าทะลาย เป็นสมุนไพรที่เป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ ด้วยสรรพคุณอันโดดเด่นของต้นฟ้าทะลายจึงเป็นสมุนไพรที่ไม่ต้องผสมกับสมุนไพรตัวอื่นเพื่อเป็นตำรับยาในการรักษาอาการเจ็บป่วยหลายชนิด เรียกง่ายๆ ว่าใช้ต้นฟ้าทะลายอย่างเดียวจบ
ที่ตั้งต้นของฟ้าทะลายโจรจริงๆ มาจากประเทศจีน เดิมชื่อ “ชวนซินเหลียน” แปลได้ว่า “ดอกบัวในหัวใจ” เป็นสมุนไพรที่มีความหมายแสดงถึงความล้ำค่ามาก วงการแพทย์จีนยกย่องให้ขึ้นทำเนียบเป็นยาตำราหลวงที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อมาได้เผยแพร่เข้ามายังประเทศไทยได้ชื่อว่า “ฟ้าทะลายโจร” เปรียบกับโรคภัยเยี่ยงโจรและฟ้าเบื้องบนก็ประทานสมุนไพรตัวนี้ให้มาปราบ ความหมายอาจจะดูดุเดือดกว่า แต่ก็แสดงถึงพลังและฤทธิ์เดชในการปราบโรคภัยต่างๆได้อย่างชะงัด
ฟ้าทะลายมีสรรพคุณมากมายหลายประการ ทั้งแพทย์จีนและแพทย์ไทยในสมัยโบราณใช้เพื่อลดอาการไข้ ดับร้อน เจ็บคอ ฆ่าเชื้อ ลดพิษเพื่อยับยั้งไม่ให้เข้าเส้นลมปราณของปอดและหัวใจ ความสามารถของฟ้าทะลายนั้นมีมากมายเกินนับ จนเป็นสมุนไพรที่ชาวบ้านทั่วไปหาปลูกไว้เป็นยารักษาและบรรเทาอาการเจ็บไข้ได้เบื้องต้นโดยไม่ต้องไปหาหมอยา คุณสมบัติของฟ้าทะลายมีฤทธิ์เย็นมากกว่าสมุนไพรชนิดอื่นเนื่องจากมีรสขมซึ่งมีผลต่อพลังชี่ภายใน ดังนั้นการกินฟ้าทะลายจำเป็นต้องดูอาการของคนเจ็บว่าอยู่ในขั้นไหน ถ้าเป็นมากก็จะต้องให้หมอยาเป็นผู้ดูแลให้กินอย่างเหมาะสมกับร่างกายคนเจ็บ พร้อมทั้งปรับสมดุลร่างกายกับสมุนไพรตัวอื่น เพื่อไม่ให้ภายในร่างกายมีฤทธิ์เย็นมากเกินไป
การกินฟ้าทะลายโจรเพื่อเป็นยารักษาอาการเป็นไข้ ตัวร้อน ครั่นเนื้อตัว เจ็บคอ ที่ไม่มีอาการร้ายแรงอย่างอื่นร่วมด้วย เบื้องต้นมีหลายสูตร มีทั้งวิธีการกินฟ้าทะลายแบบสดและแห้ง การนำมาทำเป็นลูกกลอน การทำเป็นผง หรือแม้กระทั่งดองเหล้า แต่ถ้าวิธีที่เราทั่วไปพึ่งพาตนเองและทำได้ง่ายที่สุดก็จะเป็นวิธีการกินฟ้าทะลายแบบสด มีวิธีดังต่อไปนี้
การต้ม นำกิ่งและใบสดที่ต้นมีอายุ 3-5 เดือน ปริมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 3-4 แก้ว หลังจากน้ำเดือดให้รอ 10-15 นาทีจึงปิดไฟ รอให้อุ่นค่อยดื่ม และแบ่งดื่มให้ได้ 3-4 มื้อก่อนอาหารใน 1 วัน
การชง นำใบสดประมาณ 4-7 ใบใส่แก้วและเติมน้ำเดือดปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที ดื่มก่อนอาหารวันละ 3-4 มื้อ
เคี้ยวใบสด นำใบสดล้างให้สะอาด 3-4 ใบ กลั้นใจเคี้ยวให้ละเอียดเพราะมันจะขมมากและกลืน วันละ 2-3 ครั้ง
เครื่องมือทางการเกษตรช่วยทุ่นแรงมีอะไรบ้าง อุปกรณ์ทางการเกษตร เป็นตัวช่วยสำหรับชาวสวน ชาวไร่ในการทุ่นกำลัง ในการทำงาน ด้านเกษตรกรรม เครื่องมือการเกษตรมีอะไรบ้าง และการใช้เครื่องมือการเกษตรแต่ละชนิดเป็นอย่างไร เราไปดูกันเลย
วิธีดูแล อุปกรณ์ทางการเกษตร หลังการใช้งาน
อุปกรณ์ทางการเกษตร สำหรับปลูกพืชมีอะไรบ้าง
ช้อนปลูก ลักษณะของช้อนปลูก เป็นสามเหลี่ยมปลายแหลม ถูกออกแบบมาเพื่อ ไว้สำหรับขุดย้ายต้นไม้ต้นเล็ก ๆ ขุดหลุม ความพิเศษของช้อนปลูกก็คือช่วยให้เราเคลื่อนย้ายต้นกล้าไปอย่างปลอดภัยไม่เสียหาย
ส้อมพรวนดิน ลักษณะเหมือนส้อมทานข้าวขนาดใหญ่ ปลายแหลม วิธีใช้ ใช้สำหรับพรวนดินรอบ ๆ ต้นกล้าหรือผักที่เราปลูก ไม่แนะนำให้ใช้กับดินแข็งเพราะอาจทำให้หักงอได้
เสียม มีลักษณะคล้ายช้อนส้อมพรวนดิน แต่จะเพิ่มความแข็งแรงมากกว่าเดิม และมีด้ามจับที่ยาวขึ้น เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับขุด เจาะ เหมาะสำหรับการขุดดินแข็ง ๆ หลุมที่ลึกขึ้นมาสักหน่อย ซึ่งเพื่อความปลอดภัยต้องตรวจสอบก่อนใช้งานทุกครั้ง
คราด มีลักษณะเหมือนซ่อมที่มีปลายงอลงมาเล็กน้อย เพื่อให้สะดวกแก่การใช้งานในการย่อยดิน หรือการเก็บเศษต่าง ๆ บนหน้าดิน
พลั่ว อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยให้สะดวกแก่การชาวสวน ชาวไร่ เพราะไม่ต้องใช้มือในการสัมผัสกับปุ๋ย ดิน ทั้งนี้ยังใช้ขุดหลุม เล็ก ๆ ได้อีกด้วย
บุ้งกี๋ อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยให้สะดวกแก่การเคลื่อนย้าย
จอบ อีกหนึ่งเครื่องมือที่ใช้ได้หลายอย่าง เช่น การขุดหลุม การถากหญ้า เป็นต้น ด้วยลักษณะของจอบทำมาจากเหล็กหรืออะลูมิเนียมที่ถูกต่อเข้ากับไม้ ดังนั้นจะต้องตรวจสอบว่าจอบอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่ เพราะจังหวะที่กำลังขุดหลุม จอบอาจจะหลุดจากด้ามและหล่นใส่เราได้
บัวรดน้ำ ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการรดต้นกล้าอ่อน เพราะมีช่องรูระบายทำให้น้ำไม่ไหลไปโดนต้นไม้โดยตรง ทำให้พืชไม่บอบช้ำ
กรรไกรตัดหญ้า เหมาะสำหรับตัดหญ้าที่มีขนาดความสูงพอดี
กรรไกรตัดกิ่ง อีกหนึ่งอุปกรณ์เครื่องมือทุ่นแรงที่จะต้องมีติดไว้ ใช้สำหรับตัดแต่งทรงไม้หรือพุ่มไม้ ให้มีรูปทรงตามที่ต้องการ และยังใช้สำหรับตัดกิ่งที่กำลังเป็นโรคได้ด้วย ซึ่งกรรไกรติดกิ่งจะต้องลับให้คมเสมอ เพื่อเวลาตัดแต่งกิ่ง จะทำให้ต้นไม้สมานแผนได้เร็ว
เครื่องมือทางการเกษตร เป็นสิ่งที่ช่วยทุ่นแรงชาวสวนอย่างเราได้ไม่น้อย ซึ่งมีหลากหลายชนิด โดยเราควรเลือกตามประเภทงานที่ทำ เพื่อการทำงานที่รวดเร็วทันใจและก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีเพิ่มขึ้น เราจะต้องรู้จักอุปกรณ์ทางการเกษตรและต้องศึกษาวิธีใช้งานเพื่อนำใช้งานอย่างเหมาะสม หากใช้เครื่องมือการเกษตรที่ไม่เหมาะสมกับกับงาน ก็อาจจะก่อให้พังเสียหาย ส่งผลเสียต่องานอีกด้วย
กล้วยด่างแคระมีดีที่ตัวเล็ก กล้วยด่างแคระเป็นกล้วยด่างที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักเพราะไม่ได้อยู่ในกระแส แต่เป็นพันธุ์ไม้ชนิดที่น่าปลูกมากๆ ส่วนตัวผู้เขียนชอบจึงอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักแล้วหามาปลูกกัน ไม่แน่..อนาคตข้างหน้าอาจเป็นกล้วยด่างสายพันธุ์ทำเงินให้คุณก็ได้
กล้วยแคระด่างในตลาดซื้อขายกันตอนนี้ที่เห็นชัดๆจะมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ กล้วยหอมแคระด่าง และกล้วยพัดแคระด่าง
กล้วยหอมแคระด่าง เป็นกล้วยพันธุ์ไม้พื้นเมืองทางตอนใต้และตอนกลางของประเทศอเมริกา ด้วยลักษณะที่มีลำต้นสูงเต็มที่ไม่เกิน 1 เมตร ใบยาวได้สุดที่ 2 ฟุต ใบหนาและดกมาก ถึงจะตัวเล็กขนาดนี้แต่ก็ให้ผลที่รับประทานได้ เมื่อผลสุกจะมีกลิ่นหอมรสชาติหวานอร่อยเหมือนกล้วยหอมทั่วไป ขนาดของผลจะคล้ายกล้วยไข่ ในหนึ่งเครือจะมีประมาณ 8-10 หวี และในหนึ่งหวีมีผล 14-16 ผล ถ้านึกภาพตามขนาดที่บอกไปแล้วข้างต้น จึงเป็นกล้วยที่เหมาะกับการปลูกในบ้านที่มีพื้นที่ไม่มากเช่น ทาวน์เฮ้าส์ หรือปลูกลงกระถางไว้ที่ระเบียงคอนโดก็พอดี เหมาะกับชีวิตคนเมืองสุดๆ คิดภาพแล้วมันเจ๋งมากๆ อยู่คอนโดแต่ก็ปลูกกล้วยกินได้ สำหรับคนที่อยากปลูกไว้เป็นต้นไม้ประดับในสวนสามารถปลูกลงดินได้ แต่ลักษณะต้นอาจจะใหญ่กว่าปลูกลงกระถางนิดหน่อย
กล้วยพัดแคระด่าง จัดอยู่ในประเภทไม้ประดับ ต้นเล็กกะทัดรัด ลำต้นจะมีลักษณะเป็นกาบใบเรียงต่อกันเป็นแนว ใบโค้งทรงอวบปลายแหลมสีเขียวเข้ม ลายด่างจะมีทั้งสีเขียวตองและสีขาว ในหนึ่งต้นสามารถมีลายด่างที่ไม่เหมือนกันและจะมีทั้งสีเขียวตองทั้งสีขาวคละอยู่ในต้นเดียวกันได้ กล้วยด่างแคระพันธุ์นี้สามารถปลูกไว้เพื่อเป็นไม้ฟอกอากาศในบ้านได้แต่ต้องเป็นบริเวณที่แดดส่องถึง ก่อนหน้านี้ราคาอยู่ที่หลักร้อยปัจจุบันนี้ขยับไปที่ 2-3 พันบาทแล้ว
วิธีการดูแลกล้วยด่างแคระ
ควรปลูกในพื้นที่ที่น้ำไม่ขัง วัสดุปลูกต้องสามารถระบายน้ำได้ดี ซึ่งควรใช้ดินที่ร่วนผสมขุยกาบมะพร้าวสับชิ้นเล็ก ถ้าใครมีแกลบเก่าก็ใส่ปนลงไปด้วยก็ได้ เมื่อต้นออกหน่อรอให้หน่อสมบูรณ์แล้วแยกหน่อไปปลูกใหม่เพื่อไม่ให้แย่งอาหารต้นแม่ ปกติกล้วยแคระจะชอบแดดจัดมาก แต่ความเป็นแคระด่างจึงให้อยู่ในที่ที่สามารถรับแสงแดดเต็มที่ครึ่งวันจะดีกว่า เพราะช่วงบ่ายแดดแรงเกินไป ใบในส่วนที่ด่างอาจจะไหม้ได้ ควรรดน้ำเป็นประจำ ใส่ปุ๋ยหมักเดือนละ 1 ครั้ง