ต้นยางนาใหญ่ อายุมาก ใช้หลายคนโอบ
แนะนำพันธุ์ไม้ ประโยชน์วิธีปลูกต้นไม้
หม้อข้าวหม้อแกงลิงยักษ์ พันธุ์พืชที่หายากที่สุดในโลก
ถ้าพูดชื่อของ ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงยักษ์ ( NepenthesTanax ) หลายคนคงจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ต้นไม้ชนิดนี้ก็แยกย่อยออกไปอีกหลากหลายชนิด มีอยู่ราว ๆ 90 ชนิดทั่วโลกเลยก็ว่าได้ มักจะพบในพื้นที่ประเทศเขตร้อน สามารถพบได้ตั้งแต่พื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ แม้แต่ฝั่งตะวันออกของมาดากัสการ์ หรือแม้แต่ตอนใต้ของออสเตรเลีย ฝั่งทางเหนือของอินเดียและศรีลังกาก็สามารถเจอเจ้าต้นนี้ได้ แต่ช่วงหลังมานี้สามารถพบต้นหม้อข้าวหม้อแกงชนิดใหม่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่เป็นภูเขาที่มีอากาศร้อนช่วงกลางวันและอากาศเย็นในช่วงกลางคืน ยิ่งพื้นที่ของเกาะเบอร์เนียวสามารถพบต้นไม้ชนิดนี้ได้มากกว่าสามสิบสายพันธุ์เลย
วันนี้เราจะมาพูดถึงต้น NepenthesTanax ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกันกับต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง เจ้าต้นไม้หายากในโลกชนิดนี้เป็นต้นไม้ที่กินแมลง เรียกว่าเป็นพืชกินสัตว์ก็ว่าได้ ตรงส่วนที่มีลักษณะคล้ายหม้อจะเหมือนเป็นอุปกรณ์ในการช่วยให้มันสามารถดักจับแมลงหรือพวกสัตว์ชนิดเล็ก ๆ มองดูแล้วก็เหมือนเป็นหลุมกับดัก มันจะส่งกลิ่นที่เรียกให้แมลงต่างๆ อยากเข้าหาและตกหลุมพรางในตัวของมันเอง ส่วนของด้านในหรือเปรียบเสมือนบริเวณปากหม้อจะเป็นตัวสร้างน้ำหวานพอมีแมลงชนิดต่าง ๆ เข้ามาตอมก็จะทำให้ลื่นและหล่นลงไปตัวต้นของมันนั่นเอง
ซึ่งข้างในจะมีน้ำย่อยคอยจัดการกับแมลงต่าง ๆ ที่หลงตกลงไปในตัวของมัน นอกจากทางปากหม้อที่คอยเชื้อเชิญเหยื่อแล้ว ด้านข้างของมันยังสามารถช่วยดึงดูดให้เหยื่อเข้าหาได้อีกทางหนึ่งด้วย ปกติต้นไม้ชนิดนี้จะมีการสร้างหม้ออยู่สองตำแหน่งคือ ด้านล่าง ที่อยู่ตามโคนของต้นซึ่งทำหน้าที่นำสารอาหารที่ได้จากเหยื่อไปล่อเลี้ยงให้เกิดการเจริญเติบโตและหม้อบนซึ่งจะมีลักษณะเล็กลีบมากกว่าด้านล่าง
ต้นไม้หายากในโลกอย่าง NepenthesTanax เป็นไม้เลื้อยมีรากตื้นและไม่ยาวมากนัก แต่ความสูงของมันนั้นสามารถโตขึ้นมาได้หลายเมตรเลยทีเดียว แต่ความกว้างของเส้นผ่าศูนย์กลางรวมถึงความหนาต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับชนิดของมัน ช่วงต้นของมันที่มีลักษณะคล้ายกับหม้อจะมีของเหลวที่พืชชนิดนี้เป็นผู้สร้างขึ้นตามธรรมชาติ เวลาที่เหยื่อตกลงไปด้านในก็จะจมน้ำ พอเหยื่อตายก็จะทำการย่อยตามลำดับ และทำให้มันสามารถดูดซึมสารอาหารได้อีกด้วย ถ้ามองแบบง่าย ๆ เจ้าต้นไม้หายากในโลกชนิดนี้ จะมีรูปร่างคล้ายแจกันและมีฝาปิดที่ปากเอาไว้สามารถช่วยปิดไม่ให้น้ำฝนเข้าไปผสมกับน้ำย่อยของมัน สีของมันมักจะเป็นสีแดงออกเหลือง ถือเป็นต้นไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งสร้างความน่าแปลกใจเป็นอย่างมาก
เสน่ห์จันทร์ดำด่าง ไม้มงคลเมตตามหาเสน่ห์เสริมโชคลาภ
เสน่ห์จันทร์ดำด่าง เป็นใบเดี่ยว ลักษณะใบจะออกเป็นรูปหัวใจกึ่งสามเหลี่ยม ทรงจะเรียวๆ ตรงฐานใบมีความโค้งเว้าชัดเจน ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ใบจะมีลวดลายและมีหลากหลายสีผสมกันจนเกิดเป็นความด่าง เป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ Araceae และอยู่ในสกุล Homalomena ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มพวก เสน่ห์จันทร์บุษราคัม เสน่ห์จันทร์ประกายทอง ประกายดาว หรือเสน่ห์จันทร์แดง เป็นต้น
เสน่ห์จันทร์ดำด่าง มีอยู่มากมายในธรรมชาติและกระจายตัวในทุกพื้นที่ พบได้ในบริเวณเขตร้อนชื้น จัดเป็นไม้ล้มลุก มีอายุหลายปี ลำต้นเป็นเหง้าหรือหัวอยู่ใต้ดิน ส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือดินจะเป็นก้านและใบเท่านั้น เป็นต้นไม้ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด การเจริญเติบโตค่อนข้างช้า แต่จะเติบโตได้ดีในดินที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับที่จะปลูกลงในภาชนะ เช่นกระถาง เป็นต้น แต่ภาชนะที่ใช้นั้นจะต้องมีรูระบายน้ำได้ เพราะต้นนี้จะชอบน้ำแต่ไม่ชอบให้น้ำขัง ชอบอยู่ในที่ชื้น และชอบแสงแดดรำไร ไม่ชอบอยู่ในที่มีแสงแดดจัดเพราะจะทำให้ใบไหม้ได้
เป็นต้นไม้ที่อดทนต่อสภาวะต่างๆ ได้ดี จึงทำให้ไม่ค่อยพบปัญหาจากแมลงหรือโรคร้ายแรงต่างๆ การดูแลไม่ควรรดน้ำบ่อยเกินไปเพราะถ้าน้ำมีมากไปจะทำให้รากเน่าได้ ในบางชนิดที่มีหน่อเกิดได้ง่ายนั้นมักนิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตัดชำ และรวมถึงการตัดยอด ซึ่งวิธีดังกล่าวจะทำให้ได้ลักษณะที่ไม่แตกต่างไปจากต้นแม่เท่าไหร่ การขยายพันธุ์ด้วยการ การตัดยอด หรือการผ่าตาเป็นการขยายพันธุ์ที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว และใช้เวลาน้อยรวมถึงการให้ได้ซึ่งจำนวนที่ค่อนข้างมาก และไม่ได้ลงทุนสูงมาก
วิธีการผ่าตาต้นเสน่ห์จันทร์ดำด่าง
เสน่ห์จันทร์ดำด่าง เหมาะสำหรับเป็นไม้ประดับเพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน จัดเป็นไม้มงคลที่ว่าด้วยเรื่องความเชื่อ ว่าสามารถช่วยเสริมในด้านการค้าขายและเมตตามหาเสน่ห์ เสริมโชคลาภบารมี ช่วยนำสิ่งที่ดีที่เป็นมงคลเข้ามาภายในบ้าน ตลอดจนห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บได้
ต้นบัวผุดไม้หายาก เชื่อมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย
ต้นบัวผุด ( Rafflesia arnoldii ) ถือเป็นต้นไม้หายากในโลกอีกชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มของบัวผุด มีความโดดเด่นและแตกต่างค่อนข้างสูง เป็นพืชชนิดดอกเดี่ยวขนาดใหญ่มาก มันไม่มีลำต้น ไม่มีรากเป็นของตัวเองเรียกว่าเป็นต้นไม้ที่พึ่งพาน้ำจากต้นไม้เครือเถาที่มันขึ้นนั่นเอง โดยมันจะใช้วิธีกระจายรากไปในเนื้อเยื่อของไม้เถาและดูดน้ำรวมถึงสารอาหารต่าง ๆ มาเลี้ยงตัวของมันให้อยู่รอด ถึงแม้ว่าต้นไม้ชนิดนี้จะไม่มีใบแต่เมื่อดอกของมันเริ่มเติบโตขึ้นมาเราก็จะสามารถมองเห็นได้ ตัวดอกของมันนั้นจะงอกออกมาจากเปลือกซึ่งตรงจุดนี้ดูจะเป็นความแตกต่างที่ไม่เหมือนกับใคร การเติบโตของดอกจะใช้เวลาอยู่ที่ราว ๆ 9 เดือน แต่เมื่ออยู่ในขั้นตอนของการผลิดอกนั้นใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง
ต้นบัวผุด หรือ Rafflesia arnoldii ถือมีความแตกต่างจากต้นไม้ชนิดอื่น ๆ เพราะมันไม่มีคลอโรฟิลล์ ทำให้ไม่มีการสังเคราะห์แสง ไม่มีความสามารถในการสร้างอาหารล่อเลี้ยงตัวของมัน อย่างที่บอกว่าต้องอาศัยเครือเถาเพื่อดูดสารอาหารและระยะเวลาในการออกดอกนั้นก็ใช้เวลาหลายปีเลยทีเดียว ลักษณะของดอกต้นไม่หายากในโลกชนิดนี้จะมีผิวเป็นปุ่มไม่เรียบ โดยปกติแล้วดอกของต้นไม้ชนิดนี้จะมีด้วยกันห้ากลีบ ดูแล้วมีความชุ่มฉ่ำเป็นสีน้ำตาลอมแดงและมีสีขาวกระจายอยู่ทั่วดอกของมัน ในส่วนที่เป็นฐานของดอกนั้นจะมีเกสรของมัน และมักจะช่วยเรียกให้แมลงต่าง ๆ เข้าหาพร้อมกับทำหน้าที่ผสมเกสรให้กับดอกของมัน ซึ่งพอถึงระยะเวลาที่มันโตเต็มที่แล้วจะส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลคล้ายกับเนื้อที่เน่าเปื่อยเลยทีเดียว กลิ่นของมันจะแรงจัดในช่วงที่ดอกเริ่มบานช่วงแนก ๆ และจะลดลงตามลำดับเมื่อระยะเวลาผ่านไป ขนาดของมันเมื่อโตเต็มที่แล้วจะหนักเป็นสิบกิโลกรัมเลยก็ว่าได้
สำหรับการขยายพันธุ์ของต้น Rafflesia arnoldii นั้นเรียกว่าไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ เฉลี่ยแล้วผลจากการขยายพันธุ์อยู่ที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น และยังต้องใช้เวลารอเกือบหนึ่งปี พื้นที่ที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตคือบริเวณที่เป็นป่าดิบชื้นที่ไม่ค่อยมีใครเข้าถึงมากนัก ตัวดอกของมันมักจะถูกขโมยนำไปทำเป็นยารักษาพื้นบ้านเพราะเชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงสำหรับผู้หญิงหลังคลอด ทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วและแข็งแรงด้วย ในปัจจุบันต้น Rafflesia arnoldii ถือเป็นต้นไม้หายากในโลกอีกชนิดหนึ่งและเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์เป็นอย่างมาก เพราะในขณะนี้พื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในป่าได้ถูกทำลายไปและยังมีการเข้าถึงได้ง่ายทำให้การเติบโตของในถูกรบกวนและอาจเกิดการสูญพันธุ์ได้ในที่สุด
เถาวัลย์กาฝาก Strangler fig ต้นไม้แปลกหายาก
ต้นไม้มากมายในโลกใบนี้ทั้งที่มีขนาดใหญ่และเล็กแตกต่างกัน แต่ต้นไม้ที่มีลักษณะเป็นต้นไม้หายากในโลกอย่างต้น Strangler fig ที่มีความแปลกไม่ซ้ำใครเพราะเป็นต้นไม้ที่มีความแข็งแรงและมักจะพบรวมถึงเติบโตได้ดีในพื้นที่เขตร้อน ตัวต้น Strangler fig จะโอบล้อมรอบต้นไม้อีกต้นอย่างเต็มเปี่ยม เรียกง่าย ๆ ว่ามันเป้นเหมือนต้นไม้กาฝากที่ทำตัวเป็นเถาวัลย์และดูดสารอาหารจากต้นไม้ต้นอื่นที่มันโอบล้อม การเจริญเติบโตของต้น Strangler fig จะเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่จะมีขนาดของลำต้นที่ใหญ่เทียบกับต้นที่มันไปเกาะเลยก็ว่าได้ รวมถึงในส่วนของรากก็จะเกาะติดกับลำต้นของต้นที่เป็นที่พึ่งพาด้วย และในตอนสุดท้ายต้องยอมรับว่าต้นที่มันไปอาศัยแทบจะไม่สามารถมีชีวิตรอดเพราะโดนเจ้าต้น Strangler fig จัดการไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ตรงกับความหมายของชื่อมันอย่างตรงตัวเลยทีเดียว
ถึงต้น Strangler fig จะดูเป็นต้นไม้หายากในโลกที่โหดร้ายเพราะมันสามารถทำลายต้นไม้ที่เป็นที่พึ่งของมันได้อย่างลงคอ และประโยชน์ของมันนั้นยังทำให้ต้นไม้ที่มันบีบรัดเกิดโพรงและกลายเป็นเรื่องดีเพราะเมื่อลำต้นมีพื้นที่ก็กลายเป็นที่อยู่ให้แก่สัตว์ต่าง ๆ ภายในพื้นที่ป่านั้นได้ ถือเป็นการทำให้เกิดความเป็นธรรมชาติ ดังนั้นเจ้าต้น Strangler fig ถือว่าเป็นต้นไม้ที่มีความสำคัญไม่น้อยต่อการสร้างระบบนิเวศน์ให้กับป่า รวมถึงเมื่อมีสัตว์ต่าง ๆ ไปอยู่ล้อมรอบก็ทำให้เกิดแหล่งอาหารตามธรรมชาติเกิดขึ้นได้อีกด้วย การเกาะติดและค่อย ๆ บีบรัดของต้น Strangler fig นั้น พบว่ามันมีสายพันธุ์ที่สามารถแยกย่อยออกไปมากมายเกือบถึงหนึ่งพัน และสามารถพบเห็นได้จากหลากหลายพื้นที่บนโลกใบนี้
มันถือเป็นต้นไม้หายากในโลกที่กว่าจะจัดการกับต้นที่เป็นที่พึ่งได้ก็ใช้เวลานานมากเลยทีเดียว และมักจะพบได้ในทวีปอเมริกาเหนือ นอกจากนั้นยังสามารถบอกได้ว่าจุดกำเนิดมาจากรัฐฟลอริดาและทางตะวันตกของหมู่เกาะอินเดีย เจ้าต้นนี้ไม่ใช่ว่าจะอยากปลูกแล้วจะได้สมดั่งใจเพราะการเกาะรัดของมันก็ต้องดูพื้นที่อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ที่เป็นที่พึ่งของต้น Strangler fig หรือจะเป็นตัวของมันเองนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์และเป็นสิ่งที่รรมชาติสร้างขึ้นมาเพื่อสร้างความสมดุลให้กับโลกใบนี้ หลายคนอาจหาคำตอบว่าทำไมถึงต้องมีต้นไม้ชนิดนี้แต่ถ้าไม่มีมันเหล่าสัตว์ต่าง ๆ ก็อาจจะไม่มีมุมหลบพักไม่มีโพรงให้กักเก็บอาหาร ดังนั้นมันถือเป็นสิ่งสำคัญของธรรมชาติบนโลกนี้ได้เป็นอย่างดี
ต้นหยาดน้ำค้าง พืชกินเนื้อสวยงาม มีเสน่ห์แบบเฉพาะตัว
ต้นหยาดน้ำค้าง ( Drosera capensis ) ถือเป็นพืชตระกูลหยาดน้ำค้าง เป็นต้นไม้หายากในโลกที่มีความสวยงาม มีเสน่ห์แบบเฉพาะตัว แถมยังเป็นต้นไม้ที่มีความสามารถในการปรับตัวค่อนข้างดีทีเดียว และมันยังยังสามารถมีชีวิตรอดได้ในดินที่สารอาหารน้อยด้วย ต้นไม้ชนิดนี้จะสามารถพบเจอได้หลากหลายพื้นที่แต่จะไม่สามารถพบได้ในพื้นที่ของแอนตร์กติกา ถึงแม้ว่าจะสามารถพบเจอได้หลากหลายพื้นที่แต่แต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกันของสายพันธุ์ มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป
ต้น Drosera capensis เป็นต้นไม้หายากในโลกที่กินแมลงหรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นพืชจำพวกกินเนื้อนั่นเอง เป็นไม้ล้มลุกสายพันธุ์ของมันนั้นแยกย่อยออกไปได้กว่าสองร้อยชนิดเลยทีเดียว ตัวลักษณะของมันจะมีเมือกสีใส ๆ คล้ายหยดของน้ำค้างอยู่ที่ปลายของแต่ละใบ มองด้วยตาเปล่าอาจจะดูสวยงามเหมือนหยดน้ำที่เพิ่งมาเกาะบนต้นไม้หลังพายุฝนแต่เจ้าเมือกใสใสนี้ความจริงแล้วมันไม่ได้ใสซื่ออย่างที่เราเห็นเลย เพราะมันมีลักษณะหนืดและสามารถยึดแมลงต่าง ๆ ที่หลงเข้ามา เวลาที่เหยื่อของมันติดกับดักมันจะห่อตัวเข้าหาเหยื่อและค่อย ๆ เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการย่อยอาหาร เจ้าต้นนี้สามารถผลิตเอนไซม์และพอมันย่อยเรียบร้อยโดยจะใช้ระยะเวลาหนึ่งถึงสองสัปดาห์ ตัวใบของมันก็จะเปิดออกซึ่งเราจะสามารถเห็นเปลือกหรือซากของแมลงที่มันกินเข้าไปด้วย
โดยปกติแล้ว ต้น Drosera capensis จะมีแหล่งกำเนิดและเติบโตในพื้นที่ที่อบอุ่นหรือพื้นที่กึ่งเขตร้อน และทะเลทราย ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีความแตกต่างกันของสายพันธุ์ส่งผลถึงการเจริญเติบโตของต้นไม้ด้วย ขนาดของมันเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 5 เซนติเมตร การเติบโตของมันจะอยู่ที่ประมาณ 14 – 21 วัน และเติบโตง่ายแต่ก็เป็นต้นไม้ที่ต้องการน้ำเช่นเดียวกัน เป็นต้นไม้ที่สามารถผสมเกสรได้ด้วยตัวของมันเองหรือเรียกว่าเป็นการสืบพันธุ์ด้วยตนเอง ต้นไม้ชนิดนี้สามารถมีอายุยาวนานหลายสิบปีเลยทีเดียว
หากใครที่สนใจปลูกต้นไม้หายากในโลกอย่าง ต้น Drosera capensis ก็ควรให้มันเติบโตแบบธรรมชาติและคอยดูอยู่ห่าง ๆ หากนำไปเพาะปลูกก็ควรที่จะใส่กระถางที่ค่อนข้างมีพื้นที่ และให้โดนแดดอย่างสม่ำเสมอ มันจะสามารถเติบโตได้ในพื้นที่ร้อนชื้นเป็นอย่างดี ตัวรากของมันจะมีหน้าที่ดูดซับน้ำและช่วยยึดติดลำต้นกับพื้นดิน ถ้ามองดูรวม ๆ แล้วเจ้าต้นหยดน้ำค้างนี้ก็ดูมีความสวยงามสามารถปลูกไว้เพื่อเป็นการตกแต่งสวนให้ดูสวยงามได้และยังช่วยกำจัดแมลงต่าง ๆ แบบที่เป็นวงจรชีวิตตามธรรมชาติอีกด้วย
ต้นหญ้าแม่มด ไม้แปลกหายาก มีพิษรุนแรงชนิดหนึ่ง
โลกของเรามีสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่เรายังไม่รู้และยังไม่เคยเห็นมากมาย ต้นไม้ก็เช่นกัน มีหลากหลายชนิดและยังสามารถแยกออกเป็นสายพันธุ์ที่มีความต่างกันออกไปอีกด้วย เจ้าต้นไม้หายากในโลกอย่าง ต้นหญ้าแม่มด ( Dracunculus vulgaris ) หรือบางคนอาจจะรู้จักในชื่อของหญ้าแม่มด ถ้ามองด้วยตาเปล่าอาจจะดูเป็นต้นไม้ปกติธรรมดาแต่เจ้าดอกไม้นี้มีพิษที่รุนแรงมากชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้ ตัวต้นของมันมีความสวยแปลกตาและตัวต้นสามารถโตได้ประมาณ 1 เมตร เราสามารถพบเจอต้นหญ้าแม่มดนี้ได้แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนบริเวณป่าละเมาะ หรือพวกพื้นที่ที่รกร้าง ในบางพื้นที่จะพบในเขตร้อน และสามารถพบได้ในประเทศกรีก ตุรกี และประเทศอื่น ๆ ใกล้เคียง ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นโตง่ายไม่เป็นที่นิยมในการปลูกภายในบ้านเพราะมันอาจจะทำให้เกิดอันตรายกับเด็กหรือสัตว์เลี้ยงภายในบ้านได้ หรือถ้าหากต้องการปลูกจริง ๆ ควรจัดหากระถางปลูกไว้ให้เป็นสัดส่วนเพื่อความปลอดภัย
ลำต้นของต้นไม้หายากในโลกอย่าง Dracunculus vulgaris หรือ หญ้าแม่มดนั้นจะมีความละม้ายคล้ายกับต้นบุก เพราะจะลำต้นจะลายแต่ถือเป็นคนละสายพันธุ์กัน วิธีการปลูกของมันคือต้องใช้การแยกหัว เอาหน่อของมันออกและนำไปปลูกซึ่งมันสามารถเจริญเติบโตได้ตลอดแต่ช่วงที่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่คือช่วงของฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง ไม่ควรปลูกในช่วงหน้าหนาว ต้นไม้ชนิดนี้ตัวดอกของมันจะมีกลิ่นไม่ค่อยน่าดมมากนักแต่เป็นที่ดึงดูดใจของแมลงให้เข้ามาผสมเกสรและดูดน้ำหวานจากมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างให้เป็นแบบนี้
ต้องบอกว่า Dracunculus vulgaris หรือ หญ้าแม่มด เป็นต้นไม้ที่ไม่ได้รับความนิยมมากนักอาจจะเพราะว่ามันมีพิษและมีกลิ่นที่ไม่น่าดม จะมีแค่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่ให้ความสนใจ ถึงแม้ว่าตัวต้นไม้หายากในโลกชนิดนี้จะเป็นกลุ่มเดียวกับต้นบุกก็ตาม แต่มีข้อสังเกตที่แตกต่างคือ ตัวดอกของมันจะมีสีแดงอมม่วงและมีขนาดที่ยาว ใบจะแยกออกเป็นแฉกแยกย่อยออกมา ตัวต้นจะไม่เรียบและมักจะมีลายสีขาว ๆ ที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน รวมถึงมันจะส่งกลิ่นที่เหม็นออกมาคล้ายกับต้นซากศพ หรือ Amorphophallus Titan Arum ที่ส่งกลิ่นชวนอาเจียนแต่กลับมีแมลงบินเข้าหา อย่างไรก็ตามต้น Dracunculus vulgaris หรือ หญ้าแม่มด ก็ถือเป็นต้นไม้อีกชนิดบนโลกใบนี้ที่ช่วยสร้างสมดุลของธรรมชาติได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ดอกซากศพ ดอกบุกยักษ์ ต้นไม้แปลกหายากในโลก
ต้องบอกว่าธรรมชาติสร้างให้มีดอกไม้ ต้นไม้มากมายหลายชนิด แต่ละพันธุ์ก็มีความแตกต่างกันออกไป พอได้ยินคำว่าดอกไม้หรือต้นไม้ก็มักจะนึกถึงความสดชื่น กลิ่นหอม แต่วันนี้เรามาทำความรู้จักต้นไม้หายากในโลกที่ภายนอกถึงจะดูมีความสวยงามแปลกตาแต่ฉายาของมันนั้นไม่ชวนให้หลงใหลเอาเสียเลย เพราะกลิ่นของมันนั้นรุนแรงและเหม็นมาก แตกต่างจากดอกไม้ ต้นไม้ชนิดอื่น ๆ เจ้าดอกไม้ที่ว่านี้มีชื่อว่า Amorphophallus Titan Arum มีชื่อแบบไทย ๆ ว่า ดอกซากศพ หรือ ดอกบุกยักษ์ เจ้าต้นไม้หายากในโลกชนิดนี้จะบาน 72 ชั่วโมง และจะมีกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายกับเนื้อสัตว์ที่เท่าเสีย มันถูกค้นพบในช่วงปีค.ศ. 1878 บริเวณหมู่เกาะสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย ขึ้นชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
ต้นไม้หายากในโลกชนิดนี้ มักอยู่ในพื้นที่ที่เป็นป่าร้อนชื้นอยู่ในตระกูลเดียวกันกับ บัวผุด ตัวช่อของมันจะมีความยาวอยู่ที่ราว ๆ 3 เมตร และด้านล่างนั้นลงลึกๆไปมากกว่า 1 เมตร ถือเป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติที่มันต้องการป้องกันตัวจากสัตว์ที่จะเข้ามาแถมยังมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรงเอาไว้เชื้อเชิญแมลงให้เข้ามาผสมเกสรของมันด้วย ว่ากันว่ามนุษย์ได้กลิ่นเหม็นแต่แมลงกลับได้กลิ่นหอม กลีบของมันจะมีสีแดงทำให้รู้สึกเหมือนเป็นชิ้นเนื้อที่เน่าและเหม็น
ใครที่คิดจะปลูกเจ้าต้นนี้ต้องคิดให้ดี ๆ เพราะกลิ่นของมันนั้นอาจจะไปรบกวนเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ แต่หากสนใจที่จะปลูกจริง ๆ บอกเลยว่าต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสม เพราะมันจะโตในอุณหภูมิประมาณ 20 องศาเซลเซียส และใช้เวลาเติบโตของเมล็ดอยู่ที่สองอาทิตย์โดยประมาณ แถมยังต้องรอมันบานโดยที่ไม่สามารถรู้กำหนดได้เลย แต่พอดอกของมันบานจะอยู่ที่ 4 เดือน หลังจากนั้นมันจะเหี่ยวและไม่บานอีก แต่ตัวลำต้นนั้นก็ยังคงมีชีวิต จริง ๆ แล้วเจ้าดอกซากศพนี้มีหลากหลายสีพอสมควร ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของมันไม่ว่าจะเป็น สีน้ำตาล, แดง, เทา, น้ำเงิน ซึ่งในหนึ่งดอกนั้นบางครั้งก็มีสีผสมกันมากกว่าหนึ่งสีด้วย
เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นของหายากในปัจจุบันนี้ได้มีการนำดอกซากศพไปจัดโชว์ที่สวนพฤกษาศาสตร์ในประเทศต่าง ๆ เพื่อไว้ให้ประชาชนได้เห็นและถือเป็นสิ่งที่สามารถนำไปเรียนรู้ว่าในโลกของเรานั้นยังมีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่ไม่สามารถพบเห็นง่าย ๆ และเป็นการสร้างขึ้นมาของธรรมชาตินั่นเอง