วิธีปลูกต้นกระเช้าสีดา

วิธีปลูกต้นกระเช้าสีดา

วิธีปลูกต้นกระเช้าสีดา

วิธีปลูกต้นกระเช้าสีดา ในยุคที่ไม่ว่าจะเริ่มทำธุรกิจอะไรก็งอกเงยได้ยากมาก แต่ยังมีธุรกิจนึงที่หลายคนเริ่มหันมาสร้างตัวตน หรือผันเปลี่ยนอาชีพมาทำธุรกิจนี้ และยังเป็นธุรกิจที่ไปได้ด้วยดีในระยะเวลาที่ยาวนานอีกด้วย กลับมาเอาใจคนรักต้นไม้รักการปลูกต้นไม้ กับการเริ่มทำธุรกิจเกี่ยวกับต้นไม้ ใครที่อยากทำธุรกิจหรือขายต้นไม้ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาต้นไม้ที่หายาก และสามารถขยายพันธุ์เพื่อขายได้อย่างต้นกระเช้าสีดา หรือที่หลายคนเรียกว่าเฟิร์นชายผ้าสีดา

            ต้นไม้ชนิดนี้เป็นต้นไม้สกุลเฟิร์น ที่มีหน้าตาแปลกไปจากต้นไม้หลายชนิดในประเทศไทย แต่ที่แปลกกว่านั้นคือ ต้นไม้ชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศไทยนี่เอง แต่ก่อนกระเช้าสีดาหรือเฟิร์นชายผ้าสีดา เป็นต้นไม้ที่มีการอาศัยอยู่ในป่า อาศัยโดยการเกาะยึดกับต้นไม้ใหญ่ชนิดอื่น แต่ไม่ใช่การแย่งอาหาร หรือที่หลายคนเรียกว่ากาฝาก เพียงแต่ว่าเป็นวิธีการดำรงชีวิตอีกแบบหนึ่งที่ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยต้นไม้ชนิดไหน

 

 

 

  วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา

  1. เลือกวัตถุที่จะให้ต้นกระเช้าสีดายึดติด หากจะปลูกตั้งแต่ต้นเล็กควรเลือกเป็นตะแกรงที่มีช่องระบายพอสมควร
  2. จะใช้วิธีการยึดติดจากเปลือกมะพร้าวสับโดยวิธีการนำเปลือกมะพร้าวสับไปแช่น้ำให้มีความนิ่มและชื้น แต่ไม่ต้องเปียกจนแฉะมาก เพราะจะทำให้รากข้องต้นกระเช้าสีดาเน่าได้

 

 

 

  วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา
วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา
วิธีปลูกต้นกระเช้าสีดา หรือต้นชายผ้าสีดา
วิธีปลูกต้นกระเช้าสีดา หรือต้นชายผ้าสีดา

 

 

  1. นำเปลือกมะพร้าวสับที่แช่น้ำใส่ลงไปในตะแกรงหรือตะกร้าที่จะให้ต้นกระเช้าสีดายึดไว้

      วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา
    วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา
  2. น้ำต้นกระเช้าสีดามาวางบนตะแกรงหรือตะกร้าที่จะใช้ในการปลูก โดยให้รากอยู่ในตำแหน่งที่สามารถยึดติดกับกาบมะพร้าวที่อยู่ในตะแกรงได้
  1. สิ่งสำคัญในวิธีปลูกต้นกระเช้าสีดา ให้สังเกตลักษณะการวาง โดยจะต้องทำการตั้งลายใบขึ้นด้านบน

      วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา
    วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา
  1. จากนั้นให้ทำการรัดด้วยเชือกฟาง หรือลวดให้แน่นป้องกันการหลุดเมื่อต้นกระเช้าสีดาเจริญเติบโต และน้ำหนักเพิ่มขึ้น
  วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา วิธีปลูกต้นกระเช้าสีดา 
วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา วิธีปลูกต้นกระเช้าสีดา 

 

 

  1. นำไปแขวนไว้ในร่มประมาณ 2 สัปดาห์ ในระยะเวลานี้สามารถลดน้ำได้ด้วยการฉีดสเปรย์น้ำแบบฝอย ป้องกันไม่ให้รากชื้นจนเกินไป เพราะอาจทำให้ต้นกระเช้าสีดาเจริญเติบโตช้า

 

  วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา
วิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาหรือต้นชายผ้าสีดา

 

 

วิธีการรดน้ำ ควรรดน้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรรดน้ำทีละเยอะ ๆ หรือไม่ควรเน้นรดน้ำบริเวณกาบใบ เพราะจะทำให้รากเน่า และตายได้นะคะ

ใครที่อยากลองเลี้ยง หรือปลูกต้นกระเช้าสีดาเพื่อจะเริ่มทำธุรกิจ ขายต้นกระเช้าสีดา ให้ลองทำวิธีการปลูกต้นกระเช้าสีดาง่าย ๆ แบบนี้ดู และต้องคอยใส่ใจ ดูแลอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากต้นกระเช้าสีดา ถือเป็นต้นไม้ที่หายาก ถ้าสามารถปลูกจนเจริญเติบโตสมบูรณ์ได้ จะยิ่งช่วยในการสร้างรายได้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


1000maidee.com

 

ต้นไม้ชื่อกระเช้าสีดา

ต้นไม้ชื่อกระเช้าสีดา

ต้นไม้ชื่อกระเช้าสีดา

   ต้นไม้ชื่อกระเช้าสีดา เป็นพืชในวงศ์ไก่ฟ้า ต้นไม้ชื่อกระเช้าสีดาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นกาฝาก เพราะกระเช้าสีดาเป็นไม้เถามีลักษณะคล้าย ๆ กาฝาก และถูกเข้าใจผิดมากขึ้นจากละครกระเช้าสีดาที่โด่งดังอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งบทนั้นเป็นบทที่น้ำพิงค์นางเอกของเรื่องพูดกับรำนำที่เป็นตัวร้ายในเรื่องว่า “ต้นไม้ชื่อต้นกระเช้าสีดา เป็นกาฝากชนิดหนึ่ง และดำรงชีวิตได้ด้วยการเกาะ และดูดสารอาหารจากต้นไม้ กาฝากพวกนี้ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้” ซึ่งวลีนี้เป็นวลีเด็ดจากหนังเรื่องกระเช้าสีดา ที่เปรียบเทียบตัวร้ายเป็นเหมือนกาฝากเหมือนต้นไม้ต้นนี้

แต่จริงๆ แล้วอย่างที่เราบอกไปข้างต้นว่าต้นไม้ชื่อกระเช้าสีดาไม่ใช่กาฝากแต่เป็นไม้เถาอยู่ในวงศ์ไก่ฟ้า และเป็นต้นไม้อิงอาศัยเท่านั้นไม่ใช่กาฝาก แล้วต้นไม้อิงอาศัยต่างกับกาฝากอย่างไร ทุกคนคงสงสัยกันใช่ไหมคะ ต้นไม้อิงอาศัยคือต้นไม้ที่อาศัยหรือเกื้อกูลกัน ซึ่งต้นไม้อิงอาศัยเช่น ต้นไม้ชื่อกระเช้าสีดา จะได้รับประโยชน์จากต้นไม้ยืนต้นที่ไปอาศัยเกาะ เช่นความชุ่มชื่น แสงแดด แต่ไม้ยืนต้นที่โดนเกาะหรือโดนอาศัยนั้นจะไม่เสียผลประโยชน์ แต่ถ้าเป็นกาฝากนั้น กาฝากจะต้องอาศัยผู้อื่นเพื่อความอยู่รอดและเบียดเบียนต้นไม้ที่อาศัยด้วยการแย่งน้ำ สารอาหาร ต่างๆ ทำให้ต้นไม้ที่โดนอาศัยเสียผลประโยชน์และไม่ได้ประโยชน์อะไรจากกาฝาก ซึ่งนั้นเป็น

ข้อแตกต่างของกาฝากและไม้อิงต้น

ทุกคนคงได้เข้าใจกันแล้วว่ากระเช้าสีดาไม่ใช่กาฝากอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วต้นกระเช้าสีดาเป็นต้นไม้ที่ค่อนข้างหายาก หรืออีกชื่อหนึ่งที่บางคนอาจจะเคยได้ยินอยู่บ้าง นั่นก็คือ ต้นไก่ฟ้าพญาลอนั่นเอง ต้นไก่ฟ้าพญาลอหรือต้นกระเช้าสีดาบางคนเชื่อว่าถ้าปลูกแล้วจะทำให้ค้าขายร่ำรวย

ต้นกระเช้าสีดายังมีสรรพคุณที่เป็นยา
ต้นกระเช้าสีดายังมีสรรพคุณที่เป็นยา

คนที่รู้จักหรือชื่นชอบต้นไม้อยู่แล้วจะรู้จักดีเพราะเป็นต้นไม้ที่คนชอบนำมาประดับสวนหรือประดับตามต้นไม้ยืนต้นใหญ่ๆ เพื่อเป็นไม้สวยงามและความหมายดี ช่วยให้ค้าขายดี เรียกเงินเรียกทองตามความเชื่อของแตjละบุคคล เห็นไหมคะว่าต้นกระเช้าสีดามีแต่ประโยชน์ยังไม่มีโทษเลยละค่ะ จะว่าต้นกระเช้าสีดาเป็นกาฝากก็ดูจะใจร้ายไปนะคะ

เท่านั้นยังไม่พอนะคะ ต้นกระเช้าสีดายังมีสรรพคุณที่เป็นยาอีกด้วย เช่น แก้ปวดประจำเดือน ลดไข้ แต่ระวังนิดนึงนะคะถ้ากินเยอะเกินไปจะทำให้อาเจียนได้ ส่วนน้ำของใบต้นกระเช้าสีดายังช่วยเวลาที่เราโดนงูกัดอีกด้วย มีแต่ประโยชน์ทั้งนั้นเลยเห็นไหมคะ สำหรับใครที่หาไม้มงคลปลูกอยู่ตอนนี้ กระเช้าสีดาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกทั้งความเป็นสิริมงคลและสรรพคุณทางยา อีกอย่างต้นกระเช้าสีดาไม่ใช่กาฝากอย่างที่ขึ้น เราเอาขึ้นไปปลูกบนต้นไม้ที่เราปลูกไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ทำให้ต้นไม้ของเราเป็นอันตรายหรือเสียประโยชน์แน่นอนค่ะ

ต้นกระเช้าสีดา
ต้นกระเช้าสีดา

ตอนนี้ต้นกระเช้าสีดาหายากมากๆ แล้ว การหามาปลูกก็เป็นอีกหนึ่งทางที่จะช่วยให้ต้นไม้ดี ๆ แบบนี้ได้มีอยู่ต่อไปค่ะ ใครเจอต้นกระเช้าสีดาก็อย่าไปคิดว่าเป็นกาฝากแล้วทำลายทิ้งนะคะ เราช่วยกันนำกระเช้าสีดามาปลูกไว้ดีกว่าค่ะ


1000maidee.com

กิตติ  พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ

กิตติ  พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ

กิตติ  พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ

กิตติ  พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ รุ่นใหญ่ เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีผลงานและได้คว้ารางวัลการทำบอนไซในงานต่างๆ มากมาย  ด้วยการที่มีใจรักทำให้เกิดบอนไซที่มีความละเอียด  และประณีต  อย่างมาก  เพราะด้วยมีฝีไม้ลายมือที่ยอดเยี่ยมและหาใครเทียบได้   คนในวงการบอนไซต่างก็ต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี  ในชื่อของ  “ครูน้อย”  

คุณ  กิตติ  พ่วงพานทอง  นักเล่นบอนไซ    เล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยก่อนการเล่นบอนไซของคนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการขุดต้นไม้จากธรรมชาติ  ขุดตามหลังบ้าน  หรือท้ายไร่ท้ายนา  แล้วนำมาปลูกเลี้ยงเพื่อเป็นไม้ประดับ  แต่ในปัจจุบันนี้ต้นไม้ที่เคยได้จากธรรมชาติเริ่มลดน้อยลงและหายาก  ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาขยายพันธุ์ด้วยการตอน  เพาะเมล็ด  และตอนกิ่ง  กันมากขึ้น  แต่การทำบอนไซนั้นต้องอาศัยต้นตอที่สวยงามด้วย  อย่างพวกไม้ที่เพาะเมล็ด  ตอนกิ่ง  จะหาต้นตอยาก  เพราะต้องใช้เวลาในการเลี้ยงค่อนข้างนาน  แล้วส่วนใหญ่รากจะเล็ก ไม่ค่อย มีโขด หรือมีโคนราก   ไม่เหมือนกับไม้ที่นำมาจากป่า  จะมีโคนรากใหญ่  เป็นไม้ที่มีอายุเก่าแก่ เหมาะกับการมาทำเป็นบอนไซ

ครูน้อยกล่าวว่า ที่หลังบ้านได้ทำการสร้างตอไว้เหมือนกัน  เพื่อเป็นแหล่งวัตุดิบสำรองให้กับตัวเอง   ส่วนตัวครูน้อยมีความสนใจในไม้ไทยและได้นำไม้เด่นของเพชรบุรี  อย่างเช่น เกล็ดปลาหมอ  หนามพรม  ไม้ซากเทียนทะเล  หรือหมากเล็กหมากน้อย  ตะโก   เพรมน่า  มะสัง  มะขาม

ซึ่งแต่ละต้นจะมีข้อดีแตกต่างกันไป แต่เหมาะที่จะนำมาทำบอนไซอย่างยิ่ง  ครูน้อยได้แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงบอนไซว่า  เราต้องเลี้ยงในที่มีอากาศดี  โปร่ง  และแสงแดดดี  จะทำให้ไม่มีโรค   ส่วนการใส่ปุ่ย นานๆ ให้ใส่ครั้งหนึ่งก็พอ  อาจจะใส่เป็นปุ๋ยเคมีบ้าง  ปุ๋ยคอกบ้างก็ได้    ส่วนการตัดแต่งใบ  ให้ใช้เป็นกรรไกรตัดจะดีกว่าการใช้มือเด็ด หรือการใช้มีด เพราะจะได้ไม่ไปทำให้กิ่งฉีกและตากิ่งเสียหาย   ที่สำคัญมีไม้บางชนิดไม่ควรริดใบออกหมดเพราะจะทำให้ไม้ทิ้งกิ่ง  ฉะนั้นในการริดใบจะต้องริดแบบเอาปลายใบไว้ด้วย

คุณ  กิตติ  พ่วงพานทอง  นักเล่นบอนไซ    กล่าวว่า การทำบอนไซ เป็นงานศิลปะ ที่ต้องคิดออกแบบให้ดูดี  ซึ่งต้องใช้เวลา และยังต้องใช้ฝีมือในการทำอย่างมาก   ซึ่งทุกครั้งที่ได้ทำบอนไซ จะรู้สึกผ่อนคลาย  ไม่เครียด  ไม่ฟุ้งซ่าน  มีสมาธิ   ช่วยทำให้จิตใจสงบได้เป็นอย่างดี

 

 

 


1000maidee.com

ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี

ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี

ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี

ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี อีกหนึ่งไม้ดอกไม้ประดับที่อยากจะแนะนำให้คนรักการแต่งบ้านนั่นก็คือ “ต้นเดหลี” เพราะนอกจากจะมีดอกสีขาวสวยสไตล์มินิมอลแล้ว ยังมีคุณสมบัติเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ ช่วยดูดซับมลพิษได้อีกด้วย หลายคนมักจะคุ้นเคยกับต้นเดหลีที่ใช้แต่งสวน แต่ความจริงแล้วก็แต่งบ้านได้เหมือนกัน จะต้องปลูกอย่างไร และต้องดูแลแบบไหน ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลย

 

 

ปัจจุบันต้นเดหลี หรือ Peace Lily เป็นไม้ดอกที่มีสายพันธุ์มากกว่า 40 ชนิด เช่น เดหลีใบกล้วย เดหลีจักรพรรดิ์ เดหลีใบด่าง ฯลฯ มีลักษณะเป็นไม้พุ่มเตี้ย ดอกจะมีใบประดับเป็นทรงหัวใจ มีสีขาว ดูคล้ายกับดอกหน้าวัว ชอบออกดอกเยอะในฤดูฝน ต้นเดหลีมีใบเดี่ยว สีเขียวเข้ม เป็นมันดูสดชื่น ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่น เมื่อโตเต็มที่ ต้นเดหลีจะสูงได้มากถึง 60 เซนติเมตร

 

 

  • วิธีปลูกต้นเดหลี

ต้นเดหลีเป็นไม้ดอกที่ไม่ชอบแดดจัด เพราะจะทำให้ใบไหม้ และต้องการดินที่มีความชื้นสูง ดินที่ควรใช้ปลูกต้นไม้ชนิดนี้คือดินร่วน ควรหมั่นรดน้ำบ่อย ๆ ทุกวันได้ยิ่งดีเพราะต้นเดหลีชอบความชื้น ขณะเดียวกันควรเลือกพื้นที่ปลูกที่มีแดดอ่อน ๆ เช่น ริมหน้าต่างห้อง ใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงา หรือหากปลูกในอาคารที่แสงส่องไม่ถึง ควรพอออกมาเจอแดดบ้าง อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 18-24 องศาเซลเซียส

  • การดูแลต้นเดหลี

หากอยากเลี้ยงต้นเดหลีให้ออกดอกสวยงาม ควรเพิ่มสารอาหารโดยการให้ปุ๋ยคอกผสมในน้ำและใช้รดเดือนละครั้ง และยังสามารถผสมปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยสูตร 15-15-15 ปีละสองครั้ง เพื่อให้ต้นไม้มีความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้น ใบของเดหลีก็ไม่ควรละเว้นการดูแลนะคะ เพราะหากปล่อยไว้อาจจะเจอกับแมลงมากัดกินได้ ดังนั้นแนะนำให้หมั่นนำผ้านุ่ม ๆ มาเช็ดที่ใบเสมอ เพื่อคงความเงางามและความสดชื่นนั่นเองค่ะ

 

ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี

 

ต้นเดหลีดูแลง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในร่ม และกลางแจ้ง ในกระถาง หรือปลูกลงดิน นอกจากจะเป็นไม้ดอกเหมาะประดับบ้านหรือแต่งสวนแล้ว ต้นเดหลียังเป็นต้นไม้ฟอกอากาศที่องค์กรนาซารับรองอีกด้วย สามารถดูดซับสารพิษอย่างแอลกอฮอล์ เบนซิน ฟอร์มัลดีไฮด์ ไตรคลอโรเอทธิลีน ซึ่งจะมีอยู่ในน้ำยา หรือหมึกต่าง ๆ โดยสารพิษเหล่านั้น เมื่อถูกดูดซับไปแล้วจะเปลี่ยนเป็นธาติอาหารให้กับต้น  ในด้านความเชื่อ เดหลียังนักว่าเป็นพืชมงคล ที่ว่ากันว่าจะช่วยให้เจ้าของมีสุขภาพแข็งแรง ไร้โรคภัยถามหา และยังเรียกโชคลาภได้อีกด้วย

 

 


1000maidee.com

กลุ่มบอนสี

กลุ่มบอนสี

กลุ่มบอนสี

กลุ่มบอนสี  บอนสีถือได้ว่าเป็นไม้ประดับที่ฆ่าไม่ตาย เพราะนอกจากจะอยู่คู่กับวงการไม้ประดับของไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตแล้ว  ในปัจจุบันนี้ ความนิยมของต้นบอนสีเองก็ยังเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมจากผู้คนมากมายในประเทศ ซึ่งมีความต้องการไม้ประดับชนิดนี้อยู่ในระดับสูงเลยทีเดียว

ต้นกำเนิดของบอนสี

ต้นบอนสีนั้นถือได้ว่าเป็นไม้ใบ ที่จัดอยู่ในประเภทไม้ประดับโดย รวมอยู่ในสกุลของ Caladium และวงศ์ Araceae  พืชสายพันธุ์นี้ได้รับชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Caladium Bicolor โดยถิ่นกำเนิดของต้นบอนสีนั้น เชื่อกันว่าแรกเริ่มน่าจะถือกำเนิดขึ้นทั้งแถบทวีปยุโรป, อเมริกาใต้ รวมไปถึงภายในประเทศอินโดนีเซีย และอินเดีย โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น นิทานกันว่า ต้นว่านสี่ทิศได้ถูกนำเข้ามาปลูกในช่วงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ของรัชกาลที่ 5 นั่นเอง

ประเภทกลุ่มของต้นบอนสี

สำหรับต้นบอนสีนั้นสามารถแบ่งแยกประเภทกลุ่มตามลักษณะใบออกเป็น 4 กลุ่มได้ ดังต่อไปนี้

  1. กลุ่มบอนสีแบบใบไทย Thai-Native Leaf Caladium

ในกลุ่มนี้จะมองเห็นลักษณะทางกายภาพของใบคล้ายกับรูปหัวใจ บริเวณโคนของใบจะมีลักษณะกลมมน ส่วนปลายของใบจะเรียวแหลม ซึ่งกลุ่มบอนสีแบบใบไทยนั้นสามารถยกตัวอย่างได้ เช่น  พญาเศวต(ตันแพลง)  พญามนต์ ปาเต๊ะ ไฟแสงจันทร์ ม่านนางพิม ไก่ราชาวดี และสาวน้อยประแป้งเป็นต้น

  1. กลุ่ม บอนสีแบบใบกลม Round-Leaf Caladium

ลักษณะทางกายภาพของกลุ่มบอนสีแบบใบกลมนั้น จะดูลักษณะใบเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ และมีปลายเป็นติ่งขนาดเล็ก ส่วนของก้านนั้นจะขึ้นอยู่บริเวณกึ่งกลางใบ ซึ่งบอนสีแบบใบกลมนี้สามารถยกตัวอย่างได้หลากหลาย ได้แก่ ยูเรนัส เมืองชล เมืองสุวรรณภูมิ เมืองสยาม และ Bangkok เป็นต้น

 

  1. กลุ่มบอนสีแบบใบยาว Long- Leaf Caladium

ลักษณะทางกายภาพของต้นบอนสีกลุ่มนี้ จะดูคล้ายกับ ลักษณะใบในกลุ่มบอนสีแบบใบไทย แต่บริเวณส่วนปลายจะมองดูเรียวเล็กมากกว่า และส่วนโคนใบนั้นจะมีการฉีกเว้าเข้ามาจนถึงส่วนของก้านใบ ซึ่งบอนสีแบบใบกลมนั้น สามารถยกตัวอย่าง ได้เช่น กวนอิม ฮกหลง กรวยทอง คุณหญิง ไชยปราการ หงส์เหิน และจักรราศีเป็นต้น

 

  1. กลุ่มบอนสีแบบใบกาบ Sheath-Leaf Caladium

ลักษณะทางกายภาพของกลุ่มบอนสีแบบใบกาบนั้น จะมองดูคล้ายกับรูปหัวใจขนาดใหญ่ โดยในส่วนของการใบนั้นจะมีการแพออกเล็กน้อยตั้งแต่บริเวณโคนมาจนถึงกึ่งกลาง ซึ่งมองดูแล้วมีลักษณะคล้ายกับใบผักกาดนั่นเอง โดยตัวอย่างของบอนสีแบบใบกาบนั้น ได้แก่ อังศุมาลิน เรือนแก้ว รัชมงคล เทพลีลา ขันธกุมาร และทุ่งบางพลีเป็นต้น

อย่างไรก็ตามนอกเหนือไปจากการแบ่งกลุ่มบอนสีตามลักษณะของใบแล้ว การเลี้ยงสามารถแบ่งออกตามรูปแบบประเภทของสายพันธุ์ได้ เช่นเดียวกัน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มดังต่อไปนี้

  1. กลุ่มบอลสีสายพันธุ์พื้นเมือง
  2. กลุ่มบอนสีสายพันธุ์ลูกผสมในประเทศไทย
  3. กลุ่มบ้านสีสายพันธุ์จากต่างประเทศ

โดยการแบ่งกลุ่มของบอนสีตามแต่ละรูปแบบนั้น ผู้อ่านสามารถใช้รูปแบบใดก็ได้ตามความต้องการ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความถนัดและความรู้ความเข้าใจของตัวผู้ปลูกนั่นเอง

 


1000maidee.com

ต้นไผ่เลี้ยง

ต้นไผ่เลี้ยง

ต้นไผ่เลี้ยง

ต้นไผ่เลี้ยง ต้นไผ่ที่เรารู้จักก็มีอยู่หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะ ไผ่ตง ไผ่รวก ไผ่กอ ฯลฯ แต่ไผ่แบบไหนกันที่เหมาะจะนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ? นี่เลยค่ะ เราขอนำเสนอ “ไผ่เลี้ยง” ที่เหมาะนำมาแต่งสวนสวยสไตล์มินิมอลมาก อีกทั้งต้นยังนำไปใช้ทำประโยชน์ได้หลากหลายนอกจากปลูกเพื่อความสวยงามอีกด้วยนะ หากอยากรู้จักให้มากขึ้นแล้ว ไปดูพร้อม ๆ กันเลย

แน่นอนว่าต้นไผ่เลี้ยง (Bambusa multiplex) หลัก ๆ แล้วก็ต้องมีกำเนิดมาจากประเทศจีน  แต่ก็ยังพบได้ในพื้นที่อื่น ๆ อีก เช่น ไต้หวัน มาดากัสการ์ อินเดีย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีในประเทศไทยนะคะ เพราะฉะนั้น ไผ่เลี้ยงที่เห็นในบ้านเรา มักเพาะมาจากต้นแม่ในต่างประเทศทั้งสิ้น ลักษณะของไผ่เลี้ยงจะแตกต่างจากชนิดอื่นคือ เป็นต้นไผ่ขนาดกลาง ลำต้นสีเขียวตั้งตรง ไม่มีหนาม ในหมู่คนรักการแต่งสวนแต่งบ้านมักนิยมปลูกเป็นไม้ประดับสวน หรือทำรั้วธรรมชาติ เสริมความมินิมอล เมื่อโตเต็มที่ ไผ่เลี้ยงอาจจะมีความสูงถึง 12 เมตร มีใบดก โดยเฉพาะบริเวณยอดของลำต้น ไผ่เลี้ยงจะให้หน่อไม้ช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนพฤศจิกายน สามารถเก็บไปรับประทานได้

 

 

  • วิธีปลูกไผ่เลี้ยง

หากต้องการเพาะพันธุ์ไผ่เลี้ยง ควรใช้วิธีแยกกอ และควรเพาะเมื่อไผ่มีอายุไม่เกิน 3 ปี เพื่อให้ได้ต้นไผ่ใหม่ที่แข็งแรง เมื่อนำต้นไผ่ไปปลูกลงแปลงควรเลือกที่ที่มีแสงอย่างเพียงพอ สามารถปลูกได้กับดินใดก็ได้ หากอยากปลูกหลายต้นเรียงกัน ควรเว้นระยะห่าง 60 เซนติเมตร

  • การดูแลไผ่เลี้ยง

หากอยากให้ไผ่เลี้ยงเจริญงอกงามได้ดีควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อย่างไรก็ตาม หากไม่อยากให้ไผ่ขยายพันธุ์ไปมาก ผู้ปลูกควรขยันแยกกอไผ่ไม่ให้เจริญเติบโตเพิ่มขึ้นไป เพื่อที่สวนสวยของเราจะยังคงความเป็นระเบียบและมินิมอล

 

 

สำหรับการแต่งสวน ไผ่เลี้ยงมักนิยมนำมาปลูกเป็นแนวรั้วดูมีความเป็นระเบียบ นอกจากนี้หากปลูกเป็นไม้ประดับในสวนที่มีพื้นที่กว้าง ๆ ยังสามารถปลูกเรียงกันไปเป็นสองฝั่งให้มีทางเดินตรงกลางเป็นเหมือนซุ้มไผ่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในป่าไผ่ เพิ่มความรู้สึกเป็นธรรมชาติให้กับสวนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ประโยชน์ของต้นไม้ชนิดนี้ เรียกได้ว่าครบครันมาก เพราะลำต้น เมื่อโตเต็มที่แล้วสามารถตัดเอาไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ เช่น บันได โต๊ะ เก้าอี้ เป็นต้น ส่วนหน่อ แน่นอนว่ารับประทานได้ นำไปปรุงอาหารได้รสชาติดี และด้วยความที่พันธุ์ไผ่เลี้ยงไม่มีในประเทศไทย แต่เป็นที่นิยมปลูกกันมาก การเพาะพันธุ์ต้นไผ่ชนิดนี้ขายจึงสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้อย่างดีเดือนละหลายหมื่นเลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากได้ช่องทางการทำเงินใหม่ละก็ ไผ่เลี้ยงอาจตอบโจทย์ค่ะ

 

 

 


 1000maidee.com

บอนสี ไม้ประดับยอดฮิต

บอนสี ไม้ประดับยอดฮิต

บอนสี ไม้ประดับยอดฮิต

บอนสี ไม้ประดับยอดฮิต ตอนนี้ ต้นบอน ได้กลายเป็นต้นไม้ที่ คนกำลังนิยมปลูกกัน และยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงด้วย  เพราะว่าสามารถดูแลรักษาง่าย แถมยังทนต่อสภาพอากาศของประเทศไทย ที่มีทั้งแดดและความชื้นอีกด้วย ซึ่งราคาของต้นบอน จะอยู่ประมาณหลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว

ลักษณะของใบก็จะมีความสวยงามที่ไม่เหมือนกัน ตามสายพันธุ์นั้นๆ โดยได้รับความนิยมมาตั้งแต่ สมัยโบราณแล้ว จึงทำให้ถูกเรียกว่า เป็นราชินีแห่งใบไม้ เลยก็ว่าได้ ซึ่ง ต้นบอนนั้น มีหลายชนิดด้วย กัน ยก     ตัว อย่างเช่น ต้นเศรษฐีพันล้าน,บอนเสือพราน,บอนอิเหนา และสามารถแยกตามประเภทสีได้ด้วย นั่นก็คือ บอนไม่กัดสี สีเดียวกันทั้งใบตั้งแต่ต้นเล็กไปจนโต ส่วนบอนกัดสี ตอนต้นเล็กจะเป็นอีกสีหนึ่ง พอโตแล้วก็จะเป็น อีกสีหนึ่ง บอนป้าย ก็จะมีแถบสีอยู่ที่ใบ ส่วนบ่อนด่าง  จะมีความด่างอยู่บนลวดลาดของใบ นั่นเอง

 

 

ตามตลาดต้นไม้พันธุ์ที่เราจะเห็นบ่อยสุด ก็คงจะเป็น บอนไทย  ซึ่งบางคนก็นำไปโชว์ และมีการสะสม แถมช่วงก่อนๆปลูกกันหลายบ้านเลยทีเดียว ราคาก็ค่อนข้างสูงมากๆ และยังมี บอนจีน ซึ่งมีพ่อค้าต้นไม้นำเข้ามาจากตู้คอนเทนเนอร์ จึงทำให้บอนจีน ในไทยมีจำนวนมากขึ้น  รวมถึง บอนฮอลแลนด์ ซึ่งบอนชนิดนี้ มาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ส่งไม้ใบเข้าไทยเป็นจำนวนมาก โดยพันธุ์นี้จะหายากเล็กน้อย เพราะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมา  เลยทำให้มีในไทยไม่เยอะ แถมยังราคาแพงสุดๆ

 

 

สำหรับ บอนสี นั้น มีความชื่นชอบแดดมากๆ โดยถึงอย่างไรก็ตาม อย่านำไปวางตรงแดดนานเกินไป เพราะว่ามีโอกาสที่จะทำให้ใบไหม้ได้ แต่ไม่ชอบลม เนื่องจากจะทำให้ใบฉีกได้ง่าย  ถ้าอยู่ในที่ ที่มีความชื้นมากจะยิ่งโตไวขึ้น ช่วงหน้าร้อนกับหน้าหนาว ที่มีความชื้นมาก จะเกิดการยุบตัว ทิ้งใบไปหมดจนเหลือแค่หัวเท่านั้น หรืออาจจะแตกใบใหม่  เราสามารถนำน้ำไปหล่อไว้ที่จานรองได้ เพื่อเป็นการแก้ไข หรือมีวิธีที่นักเล่นบอนเพื่อนำไปประกวด ทำกันบ่อยมากๆ ก็คือ นำบอนไปเลี้ยงในตู้อบ จะเลี้ยงอยู่ในกล่องพลาสติก หรือว่าถุงพลาสติก ก็ได้  แต่ต้องไม่ให้ความชื้นออกมาง่ายเกินไป และต้องให้แสงแดดเข้าถึงเพียงพอด้วย ซึ่งการเลี้ยงบอนอาจจะดูยาก แถมยังมีขั้นตอนมากมาย แต่ถ้าเกิดเราเลี้ยงพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศของประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่น พันธุ์ฮกหลง  ที่คนจะปลูกเอาไว้ประดับตกแต่งบริเวณหน้าบ้าน เชื่อว่าจะต้องออกมาสวยงามแน่นอน

 

 

 


 1000maidee.com

มาทำความรู้จัก สมุนไพรต้นดีหมี กัน

มาทำความรู้จัก สมุนไพรต้นดีหมี กัน

มาทำความรู้จัก สมุนไพรต้นดีหมี กัน

มาทำความรู้จัก สมุนไพรต้นดีหมี กัน ต้องยอมรับว่าสมุนไพรมีมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีสรรพคุณที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าจะใช้งานเกี่ยวกันอะไร ต้องการรักษาอาการแบบไหน หรือสมุนไพรบางตัวก็ใช้ในการบำรุงร่างกาย “สมุนไพรต้นดีหมี” หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Acalypha Spiciflora Burm.f. นอกจากนั้นยังมีชื่อเรียกตามภาษาถิ่น เช่น จังหวัดลำปางจะเรียกว่า ดินหมี, จังหวัดระนองจะเรียกว่า คัดไล, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะเรียกว่า กาดาวกระจาย, จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะเรียกว่า กาไลหรือ กำไล เป็นต้น ซึ่งเป็นสมุนไพรอีกตัวหนึ่งที่มีสรรพคุณมากมายในการรักษา มาทำความรู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้ให้มากขึ้นดีกว่า มามีลักษณะแบบไหนและมีส่วนไหนบ้างที่สามารถนำมารักษาอาการต่างๆ ได้

 

 

พืชไม้สมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยาอย่าง “ดีหมี” เป็นไม้ยืนต้นแบบไม่ผลัดใบในตระกูลของ EUPHORBIACEAE หรือวงศ์ยางพารา ขนาดของลำต้นจะสูงราว 10 – 20 เมตร มีสีออกดำเทา และเปลือกเกลี้ยงเกลา ใบของมันจะออกเรียงสลับตามกิ่ง เป็นใบเดี่ยวมีลักษณะวงรี ปลายมีลักษณะแหลมขอบหยักแบบใบเลื่อย ด้านใต้ของใบจะมีต่อมกระจายอยู่ ส่วนดอกของมันนั้นจะออกช่ออยู่ตามซอกของใบและปลายกิ่ง ดอกจะแยกเพศผู้และเพศเมีย ดอกตัวผู้จะเป็นช่อยาวมีดอกแยกย่อยเรียงอยู่ตามแกน เวลาที่ดอกบานจะมี 3 กลีบ ดอกตัวเมียจะเป็นดอกเดี่ยว มีกลีบออกมารองดอกจำนวน 5 กลีบ ผลของมันจะมีลัษณะเป็นทรงกลม สีขาวเป็นคู่ เวลาที่มันแก่จะแห้งจะแตกออกได้ ใช้เมล็ดในการขยายพันธุ์ สามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพดิน เพียงแค่มีความชื้นและมีแสงแดดปานกลางส่องรำไร ก็สามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี มักจะพบได้ทางภาคใต, ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ในบริเวณที่เป็นป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น และป่าดงดิบริมน้ำ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 400 – 800 เมตร

 

 

ประโยชน์ของ “สมุนไพรต้นดีหมี” นั้น มีมากมายในแต่ละส่วนของต้น มาดูกันว่าส่วนไหนมีสรรพคุณอย่างไร

  • ส่วนของเปลือกต้นสามารถนำมาต้มและดื่ม เป็นยารักษามะเร็ง, ลดอาการปวดท้อง, แก้ตับอักเสบ
  • ส่วนของแก่น มีสรรพคุณช่วยแก้ไข้ แก้ร้อนใน แก้อาการปวดศีรษะ สามารถนำมาต้มและดื่มเพื่อขับเหงื่อ
  • ส่วนของรากและใบ นอกจากการนำมาต้มดื่มแล้วยังสามารถนำน้ำที่ต้มมาอาบเพื่อรักษาอาการของไข้มาลาเรีย นอกจากนั้นใบของ สมุนไพรดีหมียังสามารถช่วยลกอาการผื่นคันได้ด้วย และรากสามารถนำมาต้มแก้อาการลมพิษในกระดูก
  • ส่วนของเมล็ดใช้เป็นยาระบาย

ต้องยอมรับว่าสรรพคุณของ สมุนไพรดีหมี นั้น มีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามควรใช้ในปริมาณที่พอดีไม่มากจนเกินไปและใช้อย่างถูกวิธี

 

 

 

 

 


 1000maidee.com

บอนกระดาดด่าง

ภาพบอนสีพร้อมชื่อ

ภาพบอนสีพร้อมชื่อ

ภาพบอนสีพร้อมชื่อ  บอนสีถือได้ว่าเป็นไม้ใบอีกชนิดหนึ่ง ที่ผู้คนให้ความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งนี้เป็นเพราะไม่เพียงแต่ พืชชนิดนี้จะเลี้ยงง่ายทั้งยังมีรูปทรง ที่หลากหลายจนดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ตามสายพันธุ์แล้ว แต่บอนสีนั้นยังให้สีสันอันสวยงามที่ดูแปลกตาไม่เหมือนไม้ใบชนิดอื่นๆอีกด้วย นอกจากนี้ในปัจจุบันเรายังจะเห็นได้ว่าต้นบอนสีนั้นถูกนำมาพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เกิดลวดลายรูปทรงและสีสันที่แปลกใหม่อยู่เสมอ ทั้งนี้สำหรับใครที่กำลังสนใจบอนสีและต้องการเริ่มต้นเลี้ยงพืชชนิดนี้แต่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ ในวันนี้เราได้รวบภาพบอลสีพร้อมชื่อของแต่ละสายพันธุ์มาฝากกัน ซึ่งรับรองได้เลยว่าแต่ละสายพันธุ์นั้นเลี้ยงง่ายโตเร็วและไม่ยุ่งยากเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงมือใหม่อย่างแน่นอน

  1. หน้ากากฟาโรห์

สัมภาษณ์สายพันธุ์นี้ เธอเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งถูกนำเข้ามาเลี้ยงในเมืองไทย โดยบอนสีหน้ากากฟาโรห์ นั้นจะสังเกตลักษณะทางกายภาพ ที่ดูมีรูปทรงประหลาดแปลกตา โดยจากการที่ขอบใบของบอนสีสายพันธุ์นี้จะม้วนออกไปทางด้านหลังทำให้มองดูคล้ายกับหน้ากาก นอกจากนี้บอนสีสายพันธุ์นี้ยังมีเส้นขอบใบที่เป็นสีเข้มตัดกับใบจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของบอนสีสายพันธุ์หน้ากากฟาโรห์เลยทีเดียว


  1. ชายชล

สำหรับต้นบอนสีสายพันธุ์นี้ ได้รับการตั้งชื่อมาจากอาคารชายชลนั่นเอง โดยความสวยงามของบอลสีชายชลนั้น การันตีได้จากการเคยได้รับรางวัลชนะเลิศ จากการประกวดนะสวนหลวง ร 9 มาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ลักษณะพิเศษของบอนสีสายพันธุ์นี้ ก็คือลวดลายบนใบที่เป็นสีแดงตัดกับสีเขียว นอกจากนี้ยังมีจุดด่างสีขาวกระจาย ตลอดอยู่ท่วม พื้นที่ของใบอีกด้วย


  1. กวนอิม

สำหรับบอนสีชนิดนี้ ถือว่าเป็นสายพันธุ์เก่าแก่ ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว ทั้งนี้จุดเด่นของบอนสีกวนอิมนั่นก็คือ พื้นใบสีขาว ที่ตัดกับเส้นขอบใบสีเขียวเข้ม นอกจากนี้ยังเพิ่มความสวยงามโดดเด่นด้วยการกระจายจุดเม็ดสีแดงอยู่ตลอดทั่วทั้งใบนั่นเอง


  1. บอนใบถ้วย

สำหรับบอลต้นบอนสี สายพันธุ์นี้ มีความสวยงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ ใบสีเขียวที่มีลักษณะของตัวคล้ายกับรูปทรงของถ้วย รวมไปถึงก้านสีดำที่ตั้งตรงพุ่งขึ้นสูง นอกจากนี้ยังเส้นบริเวณขอบใบยังมองเห็นเป็นสีเข้มซึ่งตัดกับสีเขียวแก่บนใบได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ต้นบอนสีชนิดนี้หากถูกนำไปเลี้ยงในพื้นที่ที่เหมาะสมแล้วเราก็ ก้านใบนั้นก็จะสามารถตั้งตรงและมีความสูงมากกว่า 100 cm เลยทีเดียว


  1. บอนกระดาดด่าง

ปัจจุบันนอกเหนือจากความนิยมของบอนสีแล้ว ความนิยมของไม้ที่มีสีด่างบนใบนั้นก็ยังเป็นอีกหนึ่งเช่นความนิยมที่ควบคู่กันมา ก็เห็นนี่เองบนกระดาดด่าง ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ของบอนสีทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และถือเป็นต้นบอนอีก 1 ชนิด ที่ตลาดต้องการเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ภาพบอนสีพร้อมชื่อ


และทั้งหมดนี้คือภาพและชื่อบอนสี ของแต่ละสายพันธ์ยอดนิยมที่เราได้รวบรวมมาฝากกัน ซึ่งปัจจุบันนี้ ความนิยมในการปลูกต้นบอนสีนั้น ไม่ได้มีเพียงเอาไว้เพื่อความสวยงาม หรือประดับตกแต่งบ้านและสวนเท่านั้น แต่ทว่าในสังคมไทย ยังมีอีกหลายต่อหลายคนเลยที่เดียวที่มีความเชื่อว่า ไม้สวยงามชนิดนี้ ใช้ปลูกในบ้านเพื่อเสริมสร้างศิริมงคลและโชคลาภให้กับผู้ปลูกและผู้อยู่อาศัยภายในบ้านอีกด้วย

 

 


 1000maidee.com

 

 

ต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อ

ต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อ

ต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อ

ต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อ กับต้นกระเช้าสีดาไม่ใช่ต้นเดียวกัน แต่ต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อจะเป็นพืชประเภทเฟิน ไม่ใช่ต้นไม้อิงอาศัยแบบต้นกระเช้าสีดา และต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อไม่ใช่กาฝากเหมือนที่หลายคนเข้าใจ หรืออีกชื่อหนึ่งที่นิยมเรียกกันคือ เฟินกระเช้าสีดา บางพื้นที่ก็เรียกแตกต่างกันออกไปอย่างเช่น ชายผ้าสีดา สไบสีดา ห่อข้าวสีดา หัวเฒ่าย่าบา ชื่อที่เรียกก็จะแตกต่างออกไปตามพื้นที่ของประเทศไทย

หลายคนคงไม่ค่อยจะรู้จักต้นไม้ชนิดนี้สักเท่าไหร่ ถ้าไม่ได้เป็นคนที่ปลูกต้นไม้หรือชื่นชอบต้นไม้อยู่แล้ว แล้วอยู่ๆ ต้นกระเช้าสีดาเป็นที่รู้จักขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่เป็นพืชหายาก คนค่อนข้างรู้จักน้อย นั่นเป็นเพราะกระแสละครอย่างกระเช้าสีดาที่มาแรงมาก ๆ และฉากหนึ่งของละครก็มีการเปรียบเทียบต้นกระเช้าสีดากับตัวร้าย ซึ่งฉากนี้ก็เป็นที่พูดถึงเป็นอย่างมาก แต่ในละครมีการพูดถึงว่าต้นกระเช้าสีดาเนี่ย เป็นต้นไม้ประเภทกาฝาก แต่จริงๆแล้วทั้งต้นกระเช้าสีดาและต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อเนี่ยไม่ใช่กาฝากทั้งคู่ เพราะเวลาอาศัยหรืออิงต้นไม้อื่น จะไม่แย่งสารอาหาร น้ำ หรือทำให้ต้นไม้ที่ไปอาศัยอยู่เนี่ยเดือดร้อน

 

 

ต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อมีลักษณะสีเขียว ใบกาบขนาดใหญ่ คนนิยมปลูกเป็นไม้สวยงาม เอาไว้ประดับบ้านเรือน และสวน ปลูกแยกหรือขึ้นเกาะบนต้นไม้ยืนต้นที่มีอยู่แล้วก็ได้ เอาไว้ประดับสวยงาม และไม่ส่งผลเสียต่อต้นไม้ที่ถูกเกาะตามที่หลายคนเข้าใจอีกด้วย ต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อหรือเฟินกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อเนี่ยมีขายตามร้านต้นไม้ที่เอาไว้ประดับสวยงาม สำหรับใครอยากได้มาไว้ประดับก็สามารถหาซื้อมาเลี้ยงหรือมาปลูกได้ ตามอินเตอร์เน็ตหรือร้านใกล้บ้านก็หาได้

นอกจากจะเป็นไม้ประดับแล้ว ต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย เพราะมีสรรพคุณ บรรเทาปวด ลดไข้ วิธีกินหรือวิธีใช้คือการเอาใบมาต้มน้ำอาบ และผสมสมุนไพรบางชนิด เพื่อแก้ไข้ได้ บางคนก็ใช้ใบของต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อต้มน้ำดื่ม เพื่อรักษาอาการอ่อนเพลีย เหนื่อย หรือนำมาลวกกินกับน้ำพริกก็ทำได้เช่นกัน

 

 

เฟินกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อมีอยู่ 2 ประเภท คือ เฟินกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อต้นเดี่ยวและเฟินกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อแตกหน่อ แตกต่างกันตรงที่ต้นเดี่ยวจะผลิใบกาบมหญ่โอบต้นไว้ ส่วนแตกหน่อจะสามารถแตกหน่อที่ปลายรากได้ และแตกหน่ออย่างรวดเร็ว ประเภทนี้เป็นแบบพึ่งพาอาศัยกันและเฟินประเภทนี้จะใหญ่มาก บางทีอาจทำให้ต้นที่เกาะกิ่งหักได้ ถ้าต้นนั้นมีกิ่งที่เล็กจนเกินไปสำหรับใครที่จะหามาปลูกก็ควรเลือกต้นที่จะให้กระเช้าสีดาปีกผีเสื้ออาศัยมีความแข็งแรงและใหญ่หน่อย

สำหรับคนที่สงสัยเรื่องต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อเป็นกาฝากหรือไม้ก็สามารถสบายใจได้แล้วนะคะ ว่าต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อไม่ใช่กาฝาก แต่เหมาะจะเป็นไม้ประดับสวยงามเท่านั้นยังไม่พอยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย มีประโยชน์ขนาดนี้ หามาไว้ประดับบ้านสักต้นกันนะคะ

 

 

 

ต้นกระเช้าสีดาปีกผีเสื้อ


 1000maidee.com