ต้นยางนาใหญ่ อายุมาก ใช้หลายคนโอบ


แนะนำพันธุ์ไม้ ประโยชน์วิธีปลูกต้นไม้
กิตติ พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ รุ่นใหญ่ เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีผลงานและได้คว้ารางวัลการทำบอนไซในงานต่างๆ มากมาย ด้วยการที่มีใจรักทำให้เกิดบอนไซที่มีความละเอียด และประณีต อย่างมาก เพราะด้วยมีฝีไม้ลายมือที่ยอดเยี่ยมและหาใครเทียบได้ คนในวงการบอนไซต่างก็ต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี ในชื่อของ “ครูน้อย”
คุณ กิตติ พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ เล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยก่อนการเล่นบอนไซของคนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการขุดต้นไม้จากธรรมชาติ ขุดตามหลังบ้าน หรือท้ายไร่ท้ายนา แล้วนำมาปลูกเลี้ยงเพื่อเป็นไม้ประดับ แต่ในปัจจุบันนี้ต้นไม้ที่เคยได้จากธรรมชาติเริ่มลดน้อยลงและหายาก ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาขยายพันธุ์ด้วยการตอน เพาะเมล็ด และตอนกิ่ง กันมากขึ้น แต่การทำบอนไซนั้นต้องอาศัยต้นตอที่สวยงามด้วย อย่างพวกไม้ที่เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง จะหาต้นตอยาก เพราะต้องใช้เวลาในการเลี้ยงค่อนข้างนาน แล้วส่วนใหญ่รากจะเล็ก ไม่ค่อย มีโขด หรือมีโคนราก ไม่เหมือนกับไม้ที่นำมาจากป่า จะมีโคนรากใหญ่ เป็นไม้ที่มีอายุเก่าแก่ เหมาะกับการมาทำเป็นบอนไซ
ครูน้อยกล่าวว่า ที่หลังบ้านได้ทำการสร้างตอไว้เหมือนกัน เพื่อเป็นแหล่งวัตุดิบสำรองให้กับตัวเอง ส่วนตัวครูน้อยมีความสนใจในไม้ไทยและได้นำไม้เด่นของเพชรบุรี อย่างเช่น เกล็ดปลาหมอ หนามพรม ไม้ซากเทียนทะเล หรือหมากเล็กหมากน้อย ตะโก เพรมน่า มะสัง มะขาม
ซึ่งแต่ละต้นจะมีข้อดีแตกต่างกันไป แต่เหมาะที่จะนำมาทำบอนไซอย่างยิ่ง ครูน้อยได้แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงบอนไซว่า เราต้องเลี้ยงในที่มีอากาศดี โปร่ง และแสงแดดดี จะทำให้ไม่มีโรค ส่วนการใส่ปุ่ย นานๆ ให้ใส่ครั้งหนึ่งก็พอ อาจจะใส่เป็นปุ๋ยเคมีบ้าง ปุ๋ยคอกบ้างก็ได้ ส่วนการตัดแต่งใบ ให้ใช้เป็นกรรไกรตัดจะดีกว่าการใช้มือเด็ด หรือการใช้มีด เพราะจะได้ไม่ไปทำให้กิ่งฉีกและตากิ่งเสียหาย ที่สำคัญมีไม้บางชนิดไม่ควรริดใบออกหมดเพราะจะทำให้ไม้ทิ้งกิ่ง ฉะนั้นในการริดใบจะต้องริดแบบเอาปลายใบไว้ด้วย
คุณ กิตติ พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ กล่าวว่า การทำบอนไซ เป็นงานศิลปะ ที่ต้องคิดออกแบบให้ดูดี ซึ่งต้องใช้เวลา และยังต้องใช้ฝีมือในการทำอย่างมาก ซึ่งทุกครั้งที่ได้ทำบอนไซ จะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่ฟุ้งซ่าน มีสมาธิ ช่วยทำให้จิตใจสงบได้เป็นอย่างดี
กล้วยป่าด่าง ของป่าแต่งสวน เดิมคนไทยปลูกกล้วยไว้เป็นไม้มงคลประจำบ้าน โดยมีเคล็ดว่าถ้ามีต้นกล้วยอยู่ในบ้านทำการงานอะไรจะราบรื่นเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่เหตุผลหลักคือปลูกไว้เพื่อเก็บผลมารับประทาน ซึ่งถือว่าเป็นผลไม้ที่ให้คุณประโยชน์ทางโภชนาการเป็นอย่างมาก เด็กกินดีผู้ใหญ่กินได้ แต่ใครจะคิดล่ะว่า..ปัจจุบันเป้าประสงค์ของการปลูกกล้วยนั้นเปลี่ยนไป กลายเป็นไม่ได้ปลูกไว้เพื่อรับประทานแต่มีไว้เพื่อประดับบ้านและบารมีเจ้าของ กล้วยที่ว่านั้นตอนนี้เป็นที่รู้จักกันดีนั่นคือ กล้วยด่าง
จะว่าไปทุกสายพันธุ์กล้วยตอนนี้ถ้าต้นไหนด่างจะเป็นที่สนใจของนักสะสมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ตานี กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า เทพพนม และสายพันธุ์อื่นๆอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับความนิยมว่าช่วงไหนกระแสพันธุ์อะไรมา แม้กระทั่งกล้วยป่าด่าง ถ้าตามชื่อมันก็ควรเป็นกล้วยที่อยู่ในป่า แต่ถ้าต้นไหนด่างก็จะโดนย้ายรกรากมาปลูกเติบโตอยู่สวนในบ้านแทน ทั้งที่ผลก็ไม่อร่อย จริงๆแล้วกล้วยป่าด่างเป็นกล้วยด่างสายพันธุ์แรกๆที่นักสะสมในวงการกล้วยด่างจะรู้จักกันดี เพราะเป็นกล้วยที่ขึ้นตามธรรมชาติป่าเขาถึงจะหายากแต่ก็ไม่ต้องไปหาซื้อเสียเงิน ปัจจุบันก็ยังมีคนเข้าป่าลึกฝ่าดงเขาหากันอยู่ ใครเจอก็เหมือนถูกรางวัลนำมาขายโดยไม่มีต้นทุนอะไร บางคนก็นำมาขยายพันธุ์ขายเมล็ดขายหน่อสร้างรายได้ดีกว่าของป่าทั่วไปซะอีก
ถึงกล้วยป่าด่างราคาไม่แรงเท่าสายพันธุ์อื่น เช่น ฟลอริด้า หรือแดงอินโด แต่ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย ราคาก็จะขึ้นอยู่กับลายด่างเช่นกัน และสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักกันในตลาดซื้อขายคือ
ลายหินอ่อน ลักษณะลายด่างจะเป็นสีขาวถึงเขียวอ่อน ลายด่างจะมีให้เห็นอยู่ทั่วใบจนถึงก้านใบ ลวดลายจะดูคล้ายลายหินอ่อน จึงเป็นที่มาของชื่อนี้
ลายเสือพราน กล้วยป่าด่างตัวนี้จะค่อนข้างทำให้คนสับสนมากพอสมควร บางทีแค่ใช้สายตาดูก็อาจจะงงๆเหมือนกันว่าแล้วมันต่างกันตรงไหน เพราะจะมีเสือพรานด่างอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ลักษณะจะคล้ายกันมากแต่ราคาก็จะสูงกว่ามาก ข้อสังเกตความต่างระหว่างสองสายพันธุ์นี้คือให้ดูที่ทรงใบ ถ้าเป็นกล้วยป่าด่างลายเสือพรานจะสั้นและอ้วนกว่า ก้านใบและลำต้นจะเป็นสีเขียว หลังใบเป็นสีเขียวหม่น ในส่วนที่คล้ายกันจนทำให้สับสนคือลายที่แทบจะแยกกันไม่ออกกับสีของลายด่างจะเป็นสีแดงเข้มหรือสีเลือดหมู
ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี อีกหนึ่งไม้ดอกไม้ประดับที่อยากจะแนะนำให้คนรักการแต่งบ้านนั่นก็คือ “ต้นเดหลี” เพราะนอกจากจะมีดอกสีขาวสวยสไตล์มินิมอลแล้ว ยังมีคุณสมบัติเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ ช่วยดูดซับมลพิษได้อีกด้วย หลายคนมักจะคุ้นเคยกับต้นเดหลีที่ใช้แต่งสวน แต่ความจริงแล้วก็แต่งบ้านได้เหมือนกัน จะต้องปลูกอย่างไร และต้องดูแลแบบไหน ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลย
ปัจจุบันต้นเดหลี หรือ Peace Lily เป็นไม้ดอกที่มีสายพันธุ์มากกว่า 40 ชนิด เช่น เดหลีใบกล้วย เดหลีจักรพรรดิ์ เดหลีใบด่าง ฯลฯ มีลักษณะเป็นไม้พุ่มเตี้ย ดอกจะมีใบประดับเป็นทรงหัวใจ มีสีขาว ดูคล้ายกับดอกหน้าวัว ชอบออกดอกเยอะในฤดูฝน ต้นเดหลีมีใบเดี่ยว สีเขียวเข้ม เป็นมันดูสดชื่น ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่น เมื่อโตเต็มที่ ต้นเดหลีจะสูงได้มากถึง 60 เซนติเมตร
ต้นเดหลีเป็นไม้ดอกที่ไม่ชอบแดดจัด เพราะจะทำให้ใบไหม้ และต้องการดินที่มีความชื้นสูง ดินที่ควรใช้ปลูกต้นไม้ชนิดนี้คือดินร่วน ควรหมั่นรดน้ำบ่อย ๆ ทุกวันได้ยิ่งดีเพราะต้นเดหลีชอบความชื้น ขณะเดียวกันควรเลือกพื้นที่ปลูกที่มีแดดอ่อน ๆ เช่น ริมหน้าต่างห้อง ใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงา หรือหากปลูกในอาคารที่แสงส่องไม่ถึง ควรพอออกมาเจอแดดบ้าง อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 18-24 องศาเซลเซียส
หากอยากเลี้ยงต้นเดหลีให้ออกดอกสวยงาม ควรเพิ่มสารอาหารโดยการให้ปุ๋ยคอกผสมในน้ำและใช้รดเดือนละครั้ง และยังสามารถผสมปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยสูตร 15-15-15 ปีละสองครั้ง เพื่อให้ต้นไม้มีความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้น ใบของเดหลีก็ไม่ควรละเว้นการดูแลนะคะ เพราะหากปล่อยไว้อาจจะเจอกับแมลงมากัดกินได้ ดังนั้นแนะนำให้หมั่นนำผ้านุ่ม ๆ มาเช็ดที่ใบเสมอ เพื่อคงความเงางามและความสดชื่นนั่นเองค่ะ
ต้นเดหลีดูแลง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในร่ม และกลางแจ้ง ในกระถาง หรือปลูกลงดิน นอกจากจะเป็นไม้ดอกเหมาะประดับบ้านหรือแต่งสวนแล้ว ต้นเดหลียังเป็นต้นไม้ฟอกอากาศที่องค์กรนาซารับรองอีกด้วย สามารถดูดซับสารพิษอย่างแอลกอฮอล์ เบนซิน ฟอร์มัลดีไฮด์ ไตรคลอโรเอทธิลีน ซึ่งจะมีอยู่ในน้ำยา หรือหมึกต่าง ๆ โดยสารพิษเหล่านั้น เมื่อถูกดูดซับไปแล้วจะเปลี่ยนเป็นธาติอาหารให้กับต้น ในด้านความเชื่อ เดหลียังนักว่าเป็นพืชมงคล ที่ว่ากันว่าจะช่วยให้เจ้าของมีสุขภาพแข็งแรง ไร้โรคภัยถามหา และยังเรียกโชคลาภได้อีกด้วย
แคคตัสแมมขนแมวและแมมขนแกะ บ้านหลังไหนไม่ได้ปลูกกระบองเพชรแอดบอกได้เลยค่ะว่าพลาดมากเพราะต้นกระบองเพชรเป็นพืชที่ปลูกได้ง่ายถึงจะไม่ค่อยมีเวลาดูแลก็สามารถปลูกได้และยังเรียกทรัพย์เข้ามาหาเราด้วยนี่แหละค่ะคือสิ่งที่แอดบอกว่าพลาด แต่กระบองเพชรในไทยเราที่นำมาเพาะขยายพันธุ์นั้นมีหลากหลายสายพันธุ์โดยแต่ละพันธุ์ก็จะมีการออกดอกแตกหน่อที่ต่างกันไปวันนี้แอดอยากนำเสนอแคคตัสแมมขนแมวและแมมขนแกะซึ่งพันธุ์นี้จะมีลักษณะคล้ายกันทำให้คนนำชื่อมาตั้งรวมกันเพราะแมมขนแมวถูกพัฒนามาเป็นแมมขนแกะทำให้หลายคนนำสองชื่อนี้มารวมกัน
ลักษณะของต้นแคคตัสแมมขนแมวและแมมขนแกะ
แคคตัสขนแกะจะมีขนที่นุ่มฟูกว่าแคคตัสขนแมวลำต้นเป็นทรงหัวกลมจะมีหนามที่แหลมมากปลายหนามจะยื่นออกมาและโค้งงอคล้ายกับตะขอถ้าเดินไปเกี่ยวอาจจะทำให้แคคตัสหล่นมาทั้งกระถางได้เพราะมีหนามที่แข็งแรงและคมมากขนของขนแมวจะมีความโปร่งฟูไม่มากยังสามารถมองเห็นลำต้นสีเขียวได้แต่ถ้าเป็นขนแกะจะมีความหนาทึบมีความนุ่มฟูมากกว่า ลำต้นจะมีความนุ่มบริเวณโคนจะเป็นสีออกแดงๆถ้าใครสงสัยว่าน้องตายรึป่าวทำไมลำต้นนุ่มโคนสีแดงบอกเลยค่าน้องโตมาแบบนี้ไม่มีอะไรผิดปกตินะคะ จะเป็นดอกเล็กๆมีสีชมพูโดยจะออกดอกบ่อยมากเมื่อโตได้เต็มที่ตอนเช้าดอกจะบานเมื่อโดนแสงอาทิตย์และจะบานตลอดทั้งวันเมื่อพระอาทิตย์ตกดอกก็จะหุบ
การดูแลต้นแคคตัสแมมขนแมวและแมมขนแกะ
กลุ่มบอนสี บอนสีถือได้ว่าเป็นไม้ประดับที่ฆ่าไม่ตาย เพราะนอกจากจะอยู่คู่กับวงการไม้ประดับของไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตแล้ว ในปัจจุบันนี้ ความนิยมของต้นบอนสีเองก็ยังเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมจากผู้คนมากมายในประเทศ ซึ่งมีความต้องการไม้ประดับชนิดนี้อยู่ในระดับสูงเลยทีเดียว
ต้นกำเนิดของบอนสี
ต้นบอนสีนั้นถือได้ว่าเป็นไม้ใบ ที่จัดอยู่ในประเภทไม้ประดับโดย รวมอยู่ในสกุลของ Caladium และวงศ์ Araceae พืชสายพันธุ์นี้ได้รับชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Caladium Bicolor โดยถิ่นกำเนิดของต้นบอนสีนั้น เชื่อกันว่าแรกเริ่มน่าจะถือกำเนิดขึ้นทั้งแถบทวีปยุโรป, อเมริกาใต้ รวมไปถึงภายในประเทศอินโดนีเซีย และอินเดีย โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น นิทานกันว่า ต้นว่านสี่ทิศได้ถูกนำเข้ามาปลูกในช่วงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ของรัชกาลที่ 5 นั่นเอง
ประเภทกลุ่มของต้นบอนสี
สำหรับต้นบอนสีนั้นสามารถแบ่งแยกประเภทกลุ่มตามลักษณะใบออกเป็น 4 กลุ่มได้ ดังต่อไปนี้
ในกลุ่มนี้จะมองเห็นลักษณะทางกายภาพของใบคล้ายกับรูปหัวใจ บริเวณโคนของใบจะมีลักษณะกลมมน ส่วนปลายของใบจะเรียวแหลม ซึ่งกลุ่มบอนสีแบบใบไทยนั้นสามารถยกตัวอย่างได้ เช่น พญาเศวต(ตันแพลง) พญามนต์ ปาเต๊ะ ไฟแสงจันทร์ ม่านนางพิม ไก่ราชาวดี และสาวน้อยประแป้งเป็นต้น
ลักษณะทางกายภาพของกลุ่มบอนสีแบบใบกลมนั้น จะดูลักษณะใบเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ และมีปลายเป็นติ่งขนาดเล็ก ส่วนของก้านนั้นจะขึ้นอยู่บริเวณกึ่งกลางใบ ซึ่งบอนสีแบบใบกลมนี้สามารถยกตัวอย่างได้หลากหลาย ได้แก่ ยูเรนัส เมืองชล เมืองสุวรรณภูมิ เมืองสยาม และ Bangkok เป็นต้น
ลักษณะทางกายภาพของต้นบอนสีกลุ่มนี้ จะดูคล้ายกับ ลักษณะใบในกลุ่มบอนสีแบบใบไทย แต่บริเวณส่วนปลายจะมองดูเรียวเล็กมากกว่า และส่วนโคนใบนั้นจะมีการฉีกเว้าเข้ามาจนถึงส่วนของก้านใบ ซึ่งบอนสีแบบใบกลมนั้น สามารถยกตัวอย่าง ได้เช่น กวนอิม ฮกหลง กรวยทอง คุณหญิง ไชยปราการ หงส์เหิน และจักรราศีเป็นต้น
ลักษณะทางกายภาพของกลุ่มบอนสีแบบใบกาบนั้น จะมองดูคล้ายกับรูปหัวใจขนาดใหญ่ โดยในส่วนของการใบนั้นจะมีการแพออกเล็กน้อยตั้งแต่บริเวณโคนมาจนถึงกึ่งกลาง ซึ่งมองดูแล้วมีลักษณะคล้ายกับใบผักกาดนั่นเอง โดยตัวอย่างของบอนสีแบบใบกาบนั้น ได้แก่ อังศุมาลิน เรือนแก้ว รัชมงคล เทพลีลา ขันธกุมาร และทุ่งบางพลีเป็นต้น
อย่างไรก็ตามนอกเหนือไปจากการแบ่งกลุ่มบอนสีตามลักษณะของใบแล้ว การเลี้ยงสามารถแบ่งออกตามรูปแบบประเภทของสายพันธุ์ได้ เช่นเดียวกัน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มดังต่อไปนี้
โดยการแบ่งกลุ่มของบอนสีตามแต่ละรูปแบบนั้น ผู้อ่านสามารถใช้รูปแบบใดก็ได้ตามความต้องการ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความถนัดและความรู้ความเข้าใจของตัวผู้ปลูกนั่นเอง
ต้นไผ่เลี้ยง ต้นไผ่ที่เรารู้จักก็มีอยู่หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะ ไผ่ตง ไผ่รวก ไผ่กอ ฯลฯ แต่ไผ่แบบไหนกันที่เหมาะจะนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ? นี่เลยค่ะ เราขอนำเสนอ “ไผ่เลี้ยง” ที่เหมาะนำมาแต่งสวนสวยสไตล์มินิมอลมาก อีกทั้งต้นยังนำไปใช้ทำประโยชน์ได้หลากหลายนอกจากปลูกเพื่อความสวยงามอีกด้วยนะ หากอยากรู้จักให้มากขึ้นแล้ว ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
แน่นอนว่าต้นไผ่เลี้ยง (Bambusa multiplex) หลัก ๆ แล้วก็ต้องมีกำเนิดมาจากประเทศจีน แต่ก็ยังพบได้ในพื้นที่อื่น ๆ อีก เช่น ไต้หวัน มาดากัสการ์ อินเดีย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีในประเทศไทยนะคะ เพราะฉะนั้น ไผ่เลี้ยงที่เห็นในบ้านเรา มักเพาะมาจากต้นแม่ในต่างประเทศทั้งสิ้น ลักษณะของไผ่เลี้ยงจะแตกต่างจากชนิดอื่นคือ เป็นต้นไผ่ขนาดกลาง ลำต้นสีเขียวตั้งตรง ไม่มีหนาม ในหมู่คนรักการแต่งสวนแต่งบ้านมักนิยมปลูกเป็นไม้ประดับสวน หรือทำรั้วธรรมชาติ เสริมความมินิมอล เมื่อโตเต็มที่ ไผ่เลี้ยงอาจจะมีความสูงถึง 12 เมตร มีใบดก โดยเฉพาะบริเวณยอดของลำต้น ไผ่เลี้ยงจะให้หน่อไม้ช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนพฤศจิกายน สามารถเก็บไปรับประทานได้
หากต้องการเพาะพันธุ์ไผ่เลี้ยง ควรใช้วิธีแยกกอ และควรเพาะเมื่อไผ่มีอายุไม่เกิน 3 ปี เพื่อให้ได้ต้นไผ่ใหม่ที่แข็งแรง เมื่อนำต้นไผ่ไปปลูกลงแปลงควรเลือกที่ที่มีแสงอย่างเพียงพอ สามารถปลูกได้กับดินใดก็ได้ หากอยากปลูกหลายต้นเรียงกัน ควรเว้นระยะห่าง 60 เซนติเมตร
หากอยากให้ไผ่เลี้ยงเจริญงอกงามได้ดีควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อย่างไรก็ตาม หากไม่อยากให้ไผ่ขยายพันธุ์ไปมาก ผู้ปลูกควรขยันแยกกอไผ่ไม่ให้เจริญเติบโตเพิ่มขึ้นไป เพื่อที่สวนสวยของเราจะยังคงความเป็นระเบียบและมินิมอล
สำหรับการแต่งสวน ไผ่เลี้ยงมักนิยมนำมาปลูกเป็นแนวรั้วดูมีความเป็นระเบียบ นอกจากนี้หากปลูกเป็นไม้ประดับในสวนที่มีพื้นที่กว้าง ๆ ยังสามารถปลูกเรียงกันไปเป็นสองฝั่งให้มีทางเดินตรงกลางเป็นเหมือนซุ้มไผ่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในป่าไผ่ เพิ่มความรู้สึกเป็นธรรมชาติให้กับสวนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ประโยชน์ของต้นไม้ชนิดนี้ เรียกได้ว่าครบครันมาก เพราะลำต้น เมื่อโตเต็มที่แล้วสามารถตัดเอาไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ เช่น บันได โต๊ะ เก้าอี้ เป็นต้น ส่วนหน่อ แน่นอนว่ารับประทานได้ นำไปปรุงอาหารได้รสชาติดี และด้วยความที่พันธุ์ไผ่เลี้ยงไม่มีในประเทศไทย แต่เป็นที่นิยมปลูกกันมาก การเพาะพันธุ์ต้นไผ่ชนิดนี้ขายจึงสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้อย่างดีเดือนละหลายหมื่นเลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากได้ช่องทางการทำเงินใหม่ละก็ ไผ่เลี้ยงอาจตอบโจทย์ค่ะ
บอนสี ไม้ประดับยอดฮิต ตอนนี้ ต้นบอน ได้กลายเป็นต้นไม้ที่ คนกำลังนิยมปลูกกัน และยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงด้วย เพราะว่าสามารถดูแลรักษาง่าย แถมยังทนต่อสภาพอากาศของประเทศไทย ที่มีทั้งแดดและความชื้นอีกด้วย ซึ่งราคาของต้นบอน จะอยู่ประมาณหลักหมื่น ไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว
ลักษณะของใบก็จะมีความสวยงามที่ไม่เหมือนกัน ตามสายพันธุ์นั้นๆ โดยได้รับความนิยมมาตั้งแต่ สมัยโบราณแล้ว จึงทำให้ถูกเรียกว่า เป็นราชินีแห่งใบไม้ เลยก็ว่าได้ ซึ่ง ต้นบอนนั้น มีหลายชนิดด้วย กัน ยก ตัว อย่างเช่น ต้นเศรษฐีพันล้าน,บอนเสือพราน,บอนอิเหนา และสามารถแยกตามประเภทสีได้ด้วย นั่นก็คือ บอนไม่กัดสี สีเดียวกันทั้งใบตั้งแต่ต้นเล็กไปจนโต ส่วนบอนกัดสี ตอนต้นเล็กจะเป็นอีกสีหนึ่ง พอโตแล้วก็จะเป็น อีกสีหนึ่ง บอนป้าย ก็จะมีแถบสีอยู่ที่ใบ ส่วนบ่อนด่าง จะมีความด่างอยู่บนลวดลาดของใบ นั่นเอง
ตามตลาดต้นไม้พันธุ์ที่เราจะเห็นบ่อยสุด ก็คงจะเป็น บอนไทย ซึ่งบางคนก็นำไปโชว์ และมีการสะสม แถมช่วงก่อนๆปลูกกันหลายบ้านเลยทีเดียว ราคาก็ค่อนข้างสูงมากๆ และยังมี บอนจีน ซึ่งมีพ่อค้าต้นไม้นำเข้ามาจากตู้คอนเทนเนอร์ จึงทำให้บอนจีน ในไทยมีจำนวนมากขึ้น รวมถึง บอนฮอลแลนด์ ซึ่งบอนชนิดนี้ มาจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ส่งไม้ใบเข้าไทยเป็นจำนวนมาก โดยพันธุ์นี้จะหายากเล็กน้อย เพราะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมา เลยทำให้มีในไทยไม่เยอะ แถมยังราคาแพงสุดๆ
สำหรับ บอนสี นั้น มีความชื่นชอบแดดมากๆ โดยถึงอย่างไรก็ตาม อย่านำไปวางตรงแดดนานเกินไป เพราะว่ามีโอกาสที่จะทำให้ใบไหม้ได้ แต่ไม่ชอบลม เนื่องจากจะทำให้ใบฉีกได้ง่าย ถ้าอยู่ในที่ ที่มีความชื้นมากจะยิ่งโตไวขึ้น ช่วงหน้าร้อนกับหน้าหนาว ที่มีความชื้นมาก จะเกิดการยุบตัว ทิ้งใบไปหมดจนเหลือแค่หัวเท่านั้น หรืออาจจะแตกใบใหม่ เราสามารถนำน้ำไปหล่อไว้ที่จานรองได้ เพื่อเป็นการแก้ไข หรือมีวิธีที่นักเล่นบอนเพื่อนำไปประกวด ทำกันบ่อยมากๆ ก็คือ นำบอนไปเลี้ยงในตู้อบ จะเลี้ยงอยู่ในกล่องพลาสติก หรือว่าถุงพลาสติก ก็ได้ แต่ต้องไม่ให้ความชื้นออกมาง่ายเกินไป และต้องให้แสงแดดเข้าถึงเพียงพอด้วย ซึ่งการเลี้ยงบอนอาจจะดูยาก แถมยังมีขั้นตอนมากมาย แต่ถ้าเกิดเราเลี้ยงพันธุ์ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศของประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่น พันธุ์ฮกหลง ที่คนจะปลูกเอาไว้ประดับตกแต่งบริเวณหน้าบ้าน เชื่อว่าจะต้องออกมาสวยงามแน่นอน
มาทำความรู้จัก สมุนไพรต้นดีหมี กัน ต้องยอมรับว่าสมุนไพรมีมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีสรรพคุณที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าจะใช้งานเกี่ยวกันอะไร ต้องการรักษาอาการแบบไหน หรือสมุนไพรบางตัวก็ใช้ในการบำรุงร่างกาย “สมุนไพรต้นดีหมี” หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Acalypha Spiciflora Burm.f. นอกจากนั้นยังมีชื่อเรียกตามภาษาถิ่น เช่น จังหวัดลำปางจะเรียกว่า ดินหมี, จังหวัดระนองจะเรียกว่า คัดไล, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะเรียกว่า กาดาวกระจาย, จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะเรียกว่า กาไลหรือ กำไล เป็นต้น ซึ่งเป็นสมุนไพรอีกตัวหนึ่งที่มีสรรพคุณมากมายในการรักษา มาทำความรู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้ให้มากขึ้นดีกว่า มามีลักษณะแบบไหนและมีส่วนไหนบ้างที่สามารถนำมารักษาอาการต่างๆ ได้
พืชไม้สมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยาอย่าง “ดีหมี” เป็นไม้ยืนต้นแบบไม่ผลัดใบในตระกูลของ EUPHORBIACEAE หรือวงศ์ยางพารา ขนาดของลำต้นจะสูงราว 10 – 20 เมตร มีสีออกดำเทา และเปลือกเกลี้ยงเกลา ใบของมันจะออกเรียงสลับตามกิ่ง เป็นใบเดี่ยวมีลักษณะวงรี ปลายมีลักษณะแหลมขอบหยักแบบใบเลื่อย ด้านใต้ของใบจะมีต่อมกระจายอยู่ ส่วนดอกของมันนั้นจะออกช่ออยู่ตามซอกของใบและปลายกิ่ง ดอกจะแยกเพศผู้และเพศเมีย ดอกตัวผู้จะเป็นช่อยาวมีดอกแยกย่อยเรียงอยู่ตามแกน เวลาที่ดอกบานจะมี 3 กลีบ ดอกตัวเมียจะเป็นดอกเดี่ยว มีกลีบออกมารองดอกจำนวน 5 กลีบ ผลของมันจะมีลัษณะเป็นทรงกลม สีขาวเป็นคู่ เวลาที่มันแก่จะแห้งจะแตกออกได้ ใช้เมล็ดในการขยายพันธุ์ สามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพดิน เพียงแค่มีความชื้นและมีแสงแดดปานกลางส่องรำไร ก็สามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี มักจะพบได้ทางภาคใต, ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ในบริเวณที่เป็นป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น และป่าดงดิบริมน้ำ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 400 – 800 เมตร
ประโยชน์ของ “สมุนไพรต้นดีหมี” นั้น มีมากมายในแต่ละส่วนของต้น มาดูกันว่าส่วนไหนมีสรรพคุณอย่างไร
ต้องยอมรับว่าสรรพคุณของ สมุนไพรดีหมี นั้น มีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามควรใช้ในปริมาณที่พอดีไม่มากจนเกินไปและใช้อย่างถูกวิธี
ภาพบอนสีพร้อมชื่อ บอนสีถือได้ว่าเป็นไม้ใบอีกชนิดหนึ่ง ที่ผู้คนให้ความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ทั้งนี้เป็นเพราะไม่เพียงแต่ พืชชนิดนี้จะเลี้ยงง่ายทั้งยังมีรูปทรง ที่หลากหลายจนดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ตามสายพันธุ์แล้ว แต่บอนสีนั้นยังให้สีสันอันสวยงามที่ดูแปลกตาไม่เหมือนไม้ใบชนิดอื่นๆอีกด้วย นอกจากนี้ในปัจจุบันเรายังจะเห็นได้ว่าต้นบอนสีนั้นถูกนำมาพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้เกิดลวดลายรูปทรงและสีสันที่แปลกใหม่อยู่เสมอ ทั้งนี้สำหรับใครที่กำลังสนใจบอนสีและต้องการเริ่มต้นเลี้ยงพืชชนิดนี้แต่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ ในวันนี้เราได้รวบภาพบอลสีพร้อมชื่อของแต่ละสายพันธุ์มาฝากกัน ซึ่งรับรองได้เลยว่าแต่ละสายพันธุ์นั้นเลี้ยงง่ายโตเร็วและไม่ยุ่งยากเหมาะสำหรับผู้เลี้ยงมือใหม่อย่างแน่นอน
สัมภาษณ์สายพันธุ์นี้ เธอเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งถูกนำเข้ามาเลี้ยงในเมืองไทย โดยบอนสีหน้ากากฟาโรห์ นั้นจะสังเกตลักษณะทางกายภาพ ที่ดูมีรูปทรงประหลาดแปลกตา โดยจากการที่ขอบใบของบอนสีสายพันธุ์นี้จะม้วนออกไปทางด้านหลังทำให้มองดูคล้ายกับหน้ากาก นอกจากนี้บอนสีสายพันธุ์นี้ยังมีเส้นขอบใบที่เป็นสีเข้มตัดกับใบจนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของบอนสีสายพันธุ์หน้ากากฟาโรห์เลยทีเดียว
สำหรับต้นบอนสีสายพันธุ์นี้ ได้รับการตั้งชื่อมาจากอาคารชายชลนั่นเอง โดยความสวยงามของบอลสีชายชลนั้น การันตีได้จากการเคยได้รับรางวัลชนะเลิศ จากการประกวดนะสวนหลวง ร 9 มาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ลักษณะพิเศษของบอนสีสายพันธุ์นี้ ก็คือลวดลายบนใบที่เป็นสีแดงตัดกับสีเขียว นอกจากนี้ยังมีจุดด่างสีขาวกระจาย ตลอดอยู่ท่วม พื้นที่ของใบอีกด้วย
สำหรับบอนสีชนิดนี้ ถือว่าเป็นสายพันธุ์เก่าแก่ ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว ทั้งนี้จุดเด่นของบอนสีกวนอิมนั่นก็คือ พื้นใบสีขาว ที่ตัดกับเส้นขอบใบสีเขียวเข้ม นอกจากนี้ยังเพิ่มความสวยงามโดดเด่นด้วยการกระจายจุดเม็ดสีแดงอยู่ตลอดทั่วทั้งใบนั่นเอง
สำหรับบอลต้นบอนสี สายพันธุ์นี้ มีความสวยงามและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ ใบสีเขียวที่มีลักษณะของตัวคล้ายกับรูปทรงของถ้วย รวมไปถึงก้านสีดำที่ตั้งตรงพุ่งขึ้นสูง นอกจากนี้ยังเส้นบริเวณขอบใบยังมองเห็นเป็นสีเข้มซึ่งตัดกับสีเขียวแก่บนใบได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ต้นบอนสีชนิดนี้หากถูกนำไปเลี้ยงในพื้นที่ที่เหมาะสมแล้วเราก็ ก้านใบนั้นก็จะสามารถตั้งตรงและมีความสูงมากกว่า 100 cm เลยทีเดียว
ปัจจุบันนอกเหนือจากความนิยมของบอนสีแล้ว ความนิยมของไม้ที่มีสีด่างบนใบนั้นก็ยังเป็นอีกหนึ่งเช่นความนิยมที่ควบคู่กันมา ก็เห็นนี่เองบนกระดาดด่าง ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ของบอนสีทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และถือเป็นต้นบอนอีก 1 ชนิด ที่ตลาดต้องการเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
และทั้งหมดนี้คือภาพและชื่อบอนสี ของแต่ละสายพันธ์ยอดนิยมที่เราได้รวบรวมมาฝากกัน ซึ่งปัจจุบันนี้ ความนิยมในการปลูกต้นบอนสีนั้น ไม่ได้มีเพียงเอาไว้เพื่อความสวยงาม หรือประดับตกแต่งบ้านและสวนเท่านั้น แต่ทว่าในสังคมไทย ยังมีอีกหลายต่อหลายคนเลยที่เดียวที่มีความเชื่อว่า ไม้สวยงามชนิดนี้ ใช้ปลูกในบ้านเพื่อเสริมสร้างศิริมงคลและโชคลาภให้กับผู้ปลูกและผู้อยู่อาศัยภายในบ้านอีกด้วย