ความหมายของต้นกระเช้าสีดา

ความหมายของต้นกระเช้าสีดา

ความหมายของต้นกระเช้าสีดา

ความหายของต้นกระเช้าสีดา  หลายคนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตาต้นไม้ที่มีชื่อเรียกว่า ต้นกระเช้าสีดา หรือคุ้นชื่อจากละครไทยเรื่องหนึ่ง ที่ว่าต้นกระเช้าสีดาเป็นกาฝากที่เกาะต้นไม้อื่นเพื่อดำรงชีวิต และเป็นต้นไม้ที่ไร้คุณธรรมประโยชน์ แต่ความจริงแล้วสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเพียงเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้น ไม่ได้มีส่วนเชื่อมโยงถึงตระกูลต้นไม้กระเช้าสีดาแต่อย่างใด แถมยังตรงข้ามกับความหมายที่กล่าวมาอีกด้วย เนื่องจากต้นกระเช้าสีดาไม่ได้เบียดเบียนต้นไม้อื่น และยังให้คุณประโยชน์มากมายกับผู้คน

ความหมายของต้นกระเช้าสีดา
ความหมายของต้นกระเช้าสีดา

 

และในลักษณะของต้นกระเช้าสีดาที่หลายคนนึกถึง อาจจะมีหน้าตาคล้ายกับพันธุ์ไม้ตระกูลเฟิร์น  ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสกุลของต้นกระเช้าสีดา วันนี้เราจะมาแชร์ และทำความรู้จักกับต้นกระเช้าสีดา   มาดูกันว่าต้นกระเช้าสีดา จริง ๆแล้ว ความหายของต้นกระเช้าสีดา ว่าอย่างไร ตามไปดูกันเลยค่ะ

 

ลักษณะของต้นกระเช้าสีดาที่เห็นได้ชัดมีอยู่ทั้งหมด 2 สกุล

สกุลที่ 1 เป็นลักษณะของไม้เถาที่มีใบเป็นสามเหลี่ยม และมีดอกและผล ในลักษณะนี้ถือว่าเป็นกระเช้าสีดาสกุลที่ 1 ที่สามารถนำส่วนประกอบต่าง ๆของต้น ใบ ดอก และราก ไปใช้เป็นยาสมุนไพร

ความหมายของต้นกระเช้าสีดา
ความหมายของต้นกระเช้าสีดา

ในลักษณะที่ 2 คือสกุลห่อข้าวกระเช้าสีดา ในกระเช้าสีดาสกุลนี้จะไม่ได้มีลักษณะเป็นไม้เถา แต่จะอยู่ในส่วนของตระกูลเฟิร์น ไม่ใช่กาฝาก มีการใช้รากในการห่อหุ้มและยึดติดต้นไม้อื่น แต่ไม่ได้แย่งอาหารจากต้นไม้อื่นแต่อย่างใด อาศัยการขยายพันธุ์โดยการแยกราก และแขนง

ความหมายของต้นกระเช้าสีดา
ความหมายของต้นกระเช้าสีดา

มาทำความรู้จักกับกระเช้าสีดาสกุลห่อข้าวกระเช้าสีดากันบ้างค่ะ

ลักษณะจะเป็นใบใหญ่ มีแฉกปลายใบ และมีสีเขียวอ่อน หน้าตาคล้ายผักสวนครัวชนิดหนึ่ง แต่ทานไม่ได้นะคะ ผิวใบจะเลียบเนียน และปลายใบหยัก

ความหมายของต้นกระเช้าสีดา
ความหมายของต้นกระเช้าสีดา

การเกาะติดของห่อข้าวกระเช้าสีดา อยู่ในรูปแบบของการอิงอาศัย ไม่ได้แย่งสารอาหารใดจากต้นไม้ที่ยึดติด เหมือนกับ ความหมายของต้นกระเช้าสีดา ที่หลายคนคุ้นเคย

 

ความหมายของต้นกระเช้าสีดา
ความหมายของต้นกระเช้าสีดา

สำหรับใครที่อยากปลูกห่อข้าวกระเช้าสีดา ต้นไม้ตระกูลนี้ไว้ที่บ้าน สามารถปลูกและขยายพันธุ์โดยให้เกาะยึดกับต้นไม้ใหญ่ในบ้านได้

ความหมายของต้นกระเช้าสีดา
ความหมายของต้นกระเช้าสีดา

มาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงหายสงสัยเกี่ยวกับ ความหมายของต้นกระเช้าสีดา  จริง ๆ แล้วไม่ได้มีความหมายใด ๆ เกี่ยวข้องกับละครไทย หรือเกี่ยวข้องกับการเกาะกิน เกาะอาศัย เพียงแต่ว่า ต้นกระเช้าสีดาสกุลห่อข้าวสีดา มีลักษณะ หน้าตาที่ดำรงชีวิตคล้ายการเกาะต้นไม้อื่น แบบกาฝากเพียงเท่านั้น แต่ไม่ใช่กาฝากนะคะ

สำหรับใครที่อยากปลูกกระเช้าสีดา ราคาหลัก ๆ ของกระเช้าสีดาสกุลห่อข้าว จะราคาสูงกว่ากระเช้าสีดาสกุลไม้เถา ราคาจะเริ่มต้นที่ 1000 บาท หากใครอยากทำการขยายพันธุ์เพื่อปลูก หรือขายก็สามารถทำได้ เนื่องจากราคาดี และเป็นพันธุ์ไม้กระเช้าสีดาที่หายากอยู่เหมือนกัน สำหรับร้านขายต้นไม้ทั่ว ๆ ไป


https://www.1000maidee.com/

ต้นพญาสัตบรรณ

ต้นพญาสัตบรรณ

ต้นพญาสัตบรรณ

 

ถ้าพูดถึง พันธุ์ไม้ที่โตเร็ว ปลูกง่าย และมีประโยชน์รอบด้านนั้น ต้องมี ต้นพญาสัตบรรณ หนึ่งใน ต้นไม้มงคล ที่น่าปลูกอยู่ในตัวเลือกนี้แน่นอน จะมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหนเราไปดูพร้อมกันเลย

ต้นพญาสัตบรรณ
ต้นพญาสัตบรรณ
ต้นพญาสัตบรรณ
ต้นพญาสัตบรรณ

ต้นพญาสัตบรรณ เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ สูง 35-40 เมตร ลักษณะต้นมีรูปทรงพุ่มสูงคล้ายฉัตร  มีเรือนยอดเป็นรูปเจดีย์ทรงแบน เปลือกเป็นสีเทา เป็น พันธุ์ไม้โตเร็ว ที่ทนทานต่อสภาพอากาศ แผ่นใบรูปมนไข่กลับปลายแหลม  ดอกมีสีขาว หรือ สีเขียวอมเหลือง เมื่อเด็ดออกจะมีน้ำยางสีขาว จะออกดอกช่วง ตุลาคม-ธันวาคม ดอกจะมีกลิ่นหอมที่รุนแรงจนฉุน โดยเฉพาะในตอนกลางคืน ต้นพญาสัตบรรณมีประโยชน์ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปลูกไว้เพื่อให้ร่มเงา เนื้อไม้ยังสามารถนำมาทำฟืนหรือโครงสร้างภายในบ้านและทำเฟอร์นิเจอร์ได้  ดอกสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำหอมไล่ยุง เป็นไม้มงคลที่สามารถปลูกไว้ในบริเวณบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคล มีความเชื่อว่า การปลูกต้นพญาสัตบรรณ ทำให้มีเกียรติยศ ได้รับการยกย่องนับถือจากผู้คน

วิธีการปลูก ควรปลูกให้ห่างจากบ้านพอสมควรเพราะเมื่อต้นมีอายุมาก ขนาดทรงพุ่มจะใหญ่ ขุดหลุมให้มีขนาดใหญ่ นำกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ดมาปลูกลงหลุมที่เตรียมไว้  และรองก้นด้วยปุ๋ยคอก  ใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักผสมกับดินร่วนแล้วผสมกับดินที่ปลูก กลบดินให้แน่น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม จะขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด สามารถทำได้ง่ายและประหยัด สามารถเติบโตได้ดี

วิธีการดูแล ควรจะตัดแต่งกิ่งเป็นประจำ ตัดแต่งไปเรื่อยๆ อย่าปล่อยให้โตตามธรรมชาติ เพราะถ้าปล่อยไม่ตัดแต่งจะทำให้บ้านเสียหายได้ และหากมีการตัดแต่งกิ่งเป็นประจำ ต้นพญาสัตบรรณก็จะสวยงาม ไม่สูงมากเกินไป และไม่ส่งกลิ่นเหม็นฉุนรบกวน ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ควรปลูกในที่โล่งที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ปีละ 3-4 ครั้ง เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้กับต้นไม้ได้เติบโตอย่างสมบูรณ์

ต้นพญาสัตบรรณ
ต้นพญาสัตบรรณ                                   

    ต้นพญาสัตบรรณ มีประโยชน์หลายประการหากมองข้ามเรื่องของกลิ่นไป ก็เป็นอีกต้นที่น่าลองปลูกประดับไว้  อีกทั้งยังมีการปลูกที่ง่าย และ เติบโตได้เร็วมาก เพราะเป็นพันธุ์ไม้โตเร็ว แม้จะไม่มีเวลาดูแล ต้นไม้ก็ไม่ตาย สามารถทนอากาศร้อนของประเทศไทย ไม่ต้องกังวลว่าต้นไม้จะแห้ง เหี่ยว เฉาอีกต่อไป นอกจากนี้การปลูกต้นไม้ ยังช่วยเปลี่ยนบ้านให้ร่มรื่น มองแล้วสบายตาสบายใจ ด้วยสเน่ห์ของสีเขียว ยังช่วยลดความเครียดช่วยให้ผ่อนคลายได้อีกด้วย เพราะต้นพญาสัตบรรณนั้นยังมีการใช้ในการรักษาแบบธรรมชาติบำบัดอีกด้วย


https://www.1000maidee.com/

กล้วยป่าด่าง ของป่าแต่งสวน

กล้วยป่าด่าง ของป่าแต่งสวน

กล้วยป่าด่าง ของป่าแต่งสวน

กล้วยป่าด่าง ของป่าแต่งสวน เดิมคนไทยปลูกกล้วยไว้เป็นไม้มงคลประจำบ้าน โดยมีเคล็ดว่าถ้ามีต้นกล้วยอยู่ในบ้านทำการงานอะไรจะราบรื่นเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่เหตุผลหลักคือปลูกไว้เพื่อเก็บผลมารับประทาน ซึ่งถือว่าเป็นผลไม้ที่ให้คุณประโยชน์ทางโภชนาการเป็นอย่างมาก เด็กกินดีผู้ใหญ่กินได้ แต่ใครจะคิดล่ะว่า..ปัจจุบันเป้าประสงค์ของการปลูกกล้วยนั้นเปลี่ยนไป กลายเป็นไม่ได้ปลูกไว้เพื่อรับประทานแต่มีไว้เพื่อประดับบ้านและบารมีเจ้าของ กล้วยที่ว่านั้นตอนนี้เป็นที่รู้จักกันดีนั่นคือ กล้วยด่าง

จะว่าไปทุกสายพันธุ์กล้วยตอนนี้ถ้าต้นไหนด่างจะเป็นที่สนใจของนักสะสมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ตานี กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า เทพพนม และสายพันธุ์อื่นๆอีกมากมาย  ขึ้นอยู่กับความนิยมว่าช่วงไหนกระแสพันธุ์อะไรมา แม้กระทั่งกล้วยป่าด่าง ถ้าตามชื่อมันก็ควรเป็นกล้วยที่อยู่ในป่า  แต่ถ้าต้นไหนด่างก็จะโดนย้ายรกรากมาปลูกเติบโตอยู่สวนในบ้านแทน ทั้งที่ผลก็ไม่อร่อย จริงๆแล้วกล้วยป่าด่างเป็นกล้วยด่างสายพันธุ์แรกๆที่นักสะสมในวงการกล้วยด่างจะรู้จักกันดี เพราะเป็นกล้วยที่ขึ้นตามธรรมชาติป่าเขาถึงจะหายากแต่ก็ไม่ต้องไปหาซื้อเสียเงิน ปัจจุบันก็ยังมีคนเข้าป่าลึกฝ่าดงเขาหากันอยู่ ใครเจอก็เหมือนถูกรางวัลนำมาขายโดยไม่มีต้นทุนอะไร บางคนก็นำมาขยายพันธุ์ขายเมล็ดขายหน่อสร้างรายได้ดีกว่าของป่าทั่วไปซะอีก

ถึงกล้วยป่าด่างราคาไม่แรงเท่าสายพันธุ์อื่น เช่น ฟลอริด้า หรือแดงอินโด แต่ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย ราคาก็จะขึ้นอยู่กับลายด่างเช่นกัน และสายพันธุ์ที่เป็นที่รู้จักกันในตลาดซื้อขายคือ

 

 

ลายหินอ่อน ลักษณะลายด่างจะเป็นสีขาวถึงเขียวอ่อน ลายด่างจะมีให้เห็นอยู่ทั่วใบจนถึงก้านใบ ลวดลายจะดูคล้ายลายหินอ่อน จึงเป็นที่มาของชื่อนี้

 

 

ลายเสือพราน กล้วยป่าด่างตัวนี้จะค่อนข้างทำให้คนสับสนมากพอสมควร บางทีแค่ใช้สายตาดูก็อาจจะงงๆเหมือนกันว่าแล้วมันต่างกันตรงไหน เพราะจะมีเสือพรานด่างอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ลักษณะจะคล้ายกันมากแต่ราคาก็จะสูงกว่ามาก ข้อสังเกตความต่างระหว่างสองสายพันธุ์นี้คือให้ดูที่ทรงใบ ถ้าเป็นกล้วยป่าด่างลายเสือพรานจะสั้นและอ้วนกว่า ก้านใบและลำต้นจะเป็นสีเขียว หลังใบเป็นสีเขียวหม่น ในส่วนที่คล้ายกันจนทำให้สับสนคือลายที่แทบจะแยกกันไม่ออกกับสีของลายด่างจะเป็นสีแดงเข้มหรือสีเลือดหมู

 

 

 


1000maidee.com

ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี

ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี

ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี

ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี อีกหนึ่งไม้ดอกไม้ประดับที่อยากจะแนะนำให้คนรักการแต่งบ้านนั่นก็คือ “ต้นเดหลี” เพราะนอกจากจะมีดอกสีขาวสวยสไตล์มินิมอลแล้ว ยังมีคุณสมบัติเป็นต้นไม้ฟอกอากาศ ช่วยดูดซับมลพิษได้อีกด้วย หลายคนมักจะคุ้นเคยกับต้นเดหลีที่ใช้แต่งสวน แต่ความจริงแล้วก็แต่งบ้านได้เหมือนกัน จะต้องปลูกอย่างไร และต้องดูแลแบบไหน ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลย

 

 

ปัจจุบันต้นเดหลี หรือ Peace Lily เป็นไม้ดอกที่มีสายพันธุ์มากกว่า 40 ชนิด เช่น เดหลีใบกล้วย เดหลีจักรพรรดิ์ เดหลีใบด่าง ฯลฯ มีลักษณะเป็นไม้พุ่มเตี้ย ดอกจะมีใบประดับเป็นทรงหัวใจ มีสีขาว ดูคล้ายกับดอกหน้าวัว ชอบออกดอกเยอะในฤดูฝน ต้นเดหลีมีใบเดี่ยว สีเขียวเข้ม เป็นมันดูสดชื่น ปลายใบแหลม ขอบใบเป็นคลื่น เมื่อโตเต็มที่ ต้นเดหลีจะสูงได้มากถึง 60 เซนติเมตร

 

 

  • วิธีปลูกต้นเดหลี

ต้นเดหลีเป็นไม้ดอกที่ไม่ชอบแดดจัด เพราะจะทำให้ใบไหม้ และต้องการดินที่มีความชื้นสูง ดินที่ควรใช้ปลูกต้นไม้ชนิดนี้คือดินร่วน ควรหมั่นรดน้ำบ่อย ๆ ทุกวันได้ยิ่งดีเพราะต้นเดหลีชอบความชื้น ขณะเดียวกันควรเลือกพื้นที่ปลูกที่มีแดดอ่อน ๆ เช่น ริมหน้าต่างห้อง ใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงา หรือหากปลูกในอาคารที่แสงส่องไม่ถึง ควรพอออกมาเจอแดดบ้าง อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 18-24 องศาเซลเซียส

  • การดูแลต้นเดหลี

หากอยากเลี้ยงต้นเดหลีให้ออกดอกสวยงาม ควรเพิ่มสารอาหารโดยการให้ปุ๋ยคอกผสมในน้ำและใช้รดเดือนละครั้ง และยังสามารถผสมปุ๋ยคอกร่วมกับปุ๋ยสูตร 15-15-15 ปีละสองครั้ง เพื่อให้ต้นไม้มีความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้น ใบของเดหลีก็ไม่ควรละเว้นการดูแลนะคะ เพราะหากปล่อยไว้อาจจะเจอกับแมลงมากัดกินได้ ดังนั้นแนะนำให้หมั่นนำผ้านุ่ม ๆ มาเช็ดที่ใบเสมอ เพื่อคงความเงางามและความสดชื่นนั่นเองค่ะ

 

ไม้ดอกไม้ประดับ ต้นเดหลี

 

ต้นเดหลีดูแลง่าย สามารถปลูกได้ทั้งในร่ม และกลางแจ้ง ในกระถาง หรือปลูกลงดิน นอกจากจะเป็นไม้ดอกเหมาะประดับบ้านหรือแต่งสวนแล้ว ต้นเดหลียังเป็นต้นไม้ฟอกอากาศที่องค์กรนาซารับรองอีกด้วย สามารถดูดซับสารพิษอย่างแอลกอฮอล์ เบนซิน ฟอร์มัลดีไฮด์ ไตรคลอโรเอทธิลีน ซึ่งจะมีอยู่ในน้ำยา หรือหมึกต่าง ๆ โดยสารพิษเหล่านั้น เมื่อถูกดูดซับไปแล้วจะเปลี่ยนเป็นธาติอาหารให้กับต้น  ในด้านความเชื่อ เดหลียังนักว่าเป็นพืชมงคล ที่ว่ากันว่าจะช่วยให้เจ้าของมีสุขภาพแข็งแรง ไร้โรคภัยถามหา และยังเรียกโชคลาภได้อีกด้วย

 

 


1000maidee.com

กลุ่มบอนสี

กลุ่มบอนสี

กลุ่มบอนสี

กลุ่มบอนสี  บอนสีถือได้ว่าเป็นไม้ประดับที่ฆ่าไม่ตาย เพราะนอกจากจะอยู่คู่กับวงการไม้ประดับของไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตแล้ว  ในปัจจุบันนี้ ความนิยมของต้นบอนสีเองก็ยังเริ่มกลับมาเป็นที่นิยมจากผู้คนมากมายในประเทศ ซึ่งมีความต้องการไม้ประดับชนิดนี้อยู่ในระดับสูงเลยทีเดียว

ต้นกำเนิดของบอนสี

ต้นบอนสีนั้นถือได้ว่าเป็นไม้ใบ ที่จัดอยู่ในประเภทไม้ประดับโดย รวมอยู่ในสกุลของ Caladium และวงศ์ Araceae  พืชสายพันธุ์นี้ได้รับชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Caladium Bicolor โดยถิ่นกำเนิดของต้นบอนสีนั้น เชื่อกันว่าแรกเริ่มน่าจะถือกำเนิดขึ้นทั้งแถบทวีปยุโรป, อเมริกาใต้ รวมไปถึงภายในประเทศอินโดนีเซีย และอินเดีย โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น นิทานกันว่า ต้นว่านสี่ทิศได้ถูกนำเข้ามาปลูกในช่วงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ของรัชกาลที่ 5 นั่นเอง

ประเภทกลุ่มของต้นบอนสี

สำหรับต้นบอนสีนั้นสามารถแบ่งแยกประเภทกลุ่มตามลักษณะใบออกเป็น 4 กลุ่มได้ ดังต่อไปนี้

  1. กลุ่มบอนสีแบบใบไทย Thai-Native Leaf Caladium

ในกลุ่มนี้จะมองเห็นลักษณะทางกายภาพของใบคล้ายกับรูปหัวใจ บริเวณโคนของใบจะมีลักษณะกลมมน ส่วนปลายของใบจะเรียวแหลม ซึ่งกลุ่มบอนสีแบบใบไทยนั้นสามารถยกตัวอย่างได้ เช่น  พญาเศวต(ตันแพลง)  พญามนต์ ปาเต๊ะ ไฟแสงจันทร์ ม่านนางพิม ไก่ราชาวดี และสาวน้อยประแป้งเป็นต้น

  1. กลุ่ม บอนสีแบบใบกลม Round-Leaf Caladium

ลักษณะทางกายภาพของกลุ่มบอนสีแบบใบกลมนั้น จะดูลักษณะใบเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ และมีปลายเป็นติ่งขนาดเล็ก ส่วนของก้านนั้นจะขึ้นอยู่บริเวณกึ่งกลางใบ ซึ่งบอนสีแบบใบกลมนี้สามารถยกตัวอย่างได้หลากหลาย ได้แก่ ยูเรนัส เมืองชล เมืองสุวรรณภูมิ เมืองสยาม และ Bangkok เป็นต้น

 

  1. กลุ่มบอนสีแบบใบยาว Long- Leaf Caladium

ลักษณะทางกายภาพของต้นบอนสีกลุ่มนี้ จะดูคล้ายกับ ลักษณะใบในกลุ่มบอนสีแบบใบไทย แต่บริเวณส่วนปลายจะมองดูเรียวเล็กมากกว่า และส่วนโคนใบนั้นจะมีการฉีกเว้าเข้ามาจนถึงส่วนของก้านใบ ซึ่งบอนสีแบบใบกลมนั้น สามารถยกตัวอย่าง ได้เช่น กวนอิม ฮกหลง กรวยทอง คุณหญิง ไชยปราการ หงส์เหิน และจักรราศีเป็นต้น

 

  1. กลุ่มบอนสีแบบใบกาบ Sheath-Leaf Caladium

ลักษณะทางกายภาพของกลุ่มบอนสีแบบใบกาบนั้น จะมองดูคล้ายกับรูปหัวใจขนาดใหญ่ โดยในส่วนของการใบนั้นจะมีการแพออกเล็กน้อยตั้งแต่บริเวณโคนมาจนถึงกึ่งกลาง ซึ่งมองดูแล้วมีลักษณะคล้ายกับใบผักกาดนั่นเอง โดยตัวอย่างของบอนสีแบบใบกาบนั้น ได้แก่ อังศุมาลิน เรือนแก้ว รัชมงคล เทพลีลา ขันธกุมาร และทุ่งบางพลีเป็นต้น

อย่างไรก็ตามนอกเหนือไปจากการแบ่งกลุ่มบอนสีตามลักษณะของใบแล้ว การเลี้ยงสามารถแบ่งออกตามรูปแบบประเภทของสายพันธุ์ได้ เช่นเดียวกัน โดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มดังต่อไปนี้

  1. กลุ่มบอลสีสายพันธุ์พื้นเมือง
  2. กลุ่มบอนสีสายพันธุ์ลูกผสมในประเทศไทย
  3. กลุ่มบ้านสีสายพันธุ์จากต่างประเทศ

โดยการแบ่งกลุ่มของบอนสีตามแต่ละรูปแบบนั้น ผู้อ่านสามารถใช้รูปแบบใดก็ได้ตามความต้องการ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความถนัดและความรู้ความเข้าใจของตัวผู้ปลูกนั่นเอง

 


1000maidee.com

ต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่

ต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่

ต้นถุงเงินถุงทอง

ต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ กระแสนิยมกำลังมาแรงกับการปลูกต้นไม้ด่าง และการซท้อขายต้นไม้ด่าง ไม่ว่าจะเป็น ต้นกล้วยด่าง มอนเสตอร่าด่าง ต้นบอนด่าง สาวน้อยปะแป้งด่าง และที่มาแรงไม่แพ้กันก็เห็นจะเป็นต้นถุงเงินถุงทองด่าง ต้นไม้ที่หลายบ้านมีปลูกช่วยเสริมสร้างสิริมงคล และมีหน้าตาที่เป็นด่างอยู่แล้ว บางคนอาจสงสัยว่า ต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ราคาไม่สูงเท่าต้นไม้ด่างชนิดอื่น ๆ อาจจะเนื่องด้วย ต้นถุงเงินถุงทองมีหน้าตาที่เป็นด่างบริเวณขอบใบอยู่แล้ว จึงเป็นชนิดที่ไม่ได้หายากมากเท่าที่ควร แต่อย่างไรก็ตาม ต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ ราคาก็ยังสูงถึงหลักพันอยู่ดี

 

 

วันนี้เราจึงจะพามาดูราคาของต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ หรือต้นที่โตเต็มวัย รวมถึงต้นถุงเงินถุงทองด่างที่มีลวดลายหายาก และจะแนะนำร้านที่ขายต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ สำหรับใครที่อยากปลูก แต่ยังหาซื้อยาก สามารถรับวาร์ปจากที่นี่ได้เลยจ้า

ลักษณะต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ที่สมบูรณ์ จะมีก้านและใบสีเขียวเข้ม และลายด่างสีขาวประปรายบริเวณใบ ใบจะมีถุงห่อตรงปลาย ลักษณะถุงห่อจะต้องไม่แตกออกจากัน และสามารถอุ้มน้ำได้ สำหรับต้นที่มีขนาดใหญ่สมบูรณ์จะต้องสูง 80-100 เซนติเมตรขึ้นไป นิยมนำมาปลูกเพื่อส่งเสริมโชคลาภทางการเงิน และการค้าขาย

 

 

ลักษณะต้นถุงเงินถุงทองด่างที่หายาก เหมือนที่หลายคนเข้าใจก็คือ ต้นถุงเงินถุงทองมีใบที่เป็นด่างอยู่แล้ว ทำไมถึงมีราคาที่แตกต่างกันในส่วนของไม้ด่าง แน่นอนว่าราคาที่สูงขึ้น จะขึ้นอยู่กับลักษณะรอยด่าง และรูปร่างของใบที่สมบูรณ์ หากมีรอยด่างสวย หรือใบรูปร่างสวยงามสมส่วน ราคาจะสูงกว่าต้นถุงเงินถุงทองทั่วไปแน่นอน

ร้านขายต้นถุงเงินถุงทองใหญ่จากเว็บ ซื้อ ขาย ออนไลน์ shoppee

  1. ร้าน dfqukel0x8 ร้านขายต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ ราคาอยู่ที่ 2,500 บาท แถมกระถางใหญ่
  2. ร้าน kukkik0423 ต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ราคา 1,500 บาท ต้นสูง 1 เมตร ใครที่อยากได้ไปปลูกไว้ในบ้าน ตกแต่งบ้าน ลองดูที่ร้านนี้ค่ะ
  3. noo_tang_jai_ruay ร้านต้นถุงเงินถุงทองไม้มงคล นอกจากนี้ยังมีต้นไม้มงคลอย่างอื่นให้เลือกอีกมากมาย
  4. nisaszii ต้นถุงเงินถุงทองยกเซทกระถางสูงสีขาว ราคาถูกและสวย ใครที่มองหาต้นไม้ตกแต่งบ้าน ต้องร้านนี้เลยค่ะ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ ราคาถือว่าถูกกว่าต้นไม้ด่างชนิดอื่น ๆ แต่ลวดลายและประโยชน์มีมากไม่แพ้ต้นไม้ชนิดอื่น ๆ  หากใครกำลังมองหาต้นถุงเงินถุงทองต้นใหญ่ สามารถตามดูที่ร้านค้าที่แนะนำได้เลย

 

 


 1000maidee.com

ต้นไผ่เลี้ยง

ต้นไผ่เลี้ยง

ต้นไผ่เลี้ยง

ต้นไผ่เลี้ยง ต้นไผ่ที่เรารู้จักก็มีอยู่หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะ ไผ่ตง ไผ่รวก ไผ่กอ ฯลฯ แต่ไผ่แบบไหนกันที่เหมาะจะนำมาปลูกเป็นไม้ประดับ? นี่เลยค่ะ เราขอนำเสนอ “ไผ่เลี้ยง” ที่เหมาะนำมาแต่งสวนสวยสไตล์มินิมอลมาก อีกทั้งต้นยังนำไปใช้ทำประโยชน์ได้หลากหลายนอกจากปลูกเพื่อความสวยงามอีกด้วยนะ หากอยากรู้จักให้มากขึ้นแล้ว ไปดูพร้อม ๆ กันเลย

แน่นอนว่าต้นไผ่เลี้ยง (Bambusa multiplex) หลัก ๆ แล้วก็ต้องมีกำเนิดมาจากประเทศจีน  แต่ก็ยังพบได้ในพื้นที่อื่น ๆ อีก เช่น ไต้หวัน มาดากัสการ์ อินเดีย แต่น่าเสียดายที่ไม่มีในประเทศไทยนะคะ เพราะฉะนั้น ไผ่เลี้ยงที่เห็นในบ้านเรา มักเพาะมาจากต้นแม่ในต่างประเทศทั้งสิ้น ลักษณะของไผ่เลี้ยงจะแตกต่างจากชนิดอื่นคือ เป็นต้นไผ่ขนาดกลาง ลำต้นสีเขียวตั้งตรง ไม่มีหนาม ในหมู่คนรักการแต่งสวนแต่งบ้านมักนิยมปลูกเป็นไม้ประดับสวน หรือทำรั้วธรรมชาติ เสริมความมินิมอล เมื่อโตเต็มที่ ไผ่เลี้ยงอาจจะมีความสูงถึง 12 เมตร มีใบดก โดยเฉพาะบริเวณยอดของลำต้น ไผ่เลี้ยงจะให้หน่อไม้ช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนพฤศจิกายน สามารถเก็บไปรับประทานได้

 

 

  • วิธีปลูกไผ่เลี้ยง

หากต้องการเพาะพันธุ์ไผ่เลี้ยง ควรใช้วิธีแยกกอ และควรเพาะเมื่อไผ่มีอายุไม่เกิน 3 ปี เพื่อให้ได้ต้นไผ่ใหม่ที่แข็งแรง เมื่อนำต้นไผ่ไปปลูกลงแปลงควรเลือกที่ที่มีแสงอย่างเพียงพอ สามารถปลูกได้กับดินใดก็ได้ หากอยากปลูกหลายต้นเรียงกัน ควรเว้นระยะห่าง 60 เซนติเมตร

  • การดูแลไผ่เลี้ยง

หากอยากให้ไผ่เลี้ยงเจริญงอกงามได้ดีควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อย่างไรก็ตาม หากไม่อยากให้ไผ่ขยายพันธุ์ไปมาก ผู้ปลูกควรขยันแยกกอไผ่ไม่ให้เจริญเติบโตเพิ่มขึ้นไป เพื่อที่สวนสวยของเราจะยังคงความเป็นระเบียบและมินิมอล

 

 

สำหรับการแต่งสวน ไผ่เลี้ยงมักนิยมนำมาปลูกเป็นแนวรั้วดูมีความเป็นระเบียบ นอกจากนี้หากปลูกเป็นไม้ประดับในสวนที่มีพื้นที่กว้าง ๆ ยังสามารถปลูกเรียงกันไปเป็นสองฝั่งให้มีทางเดินตรงกลางเป็นเหมือนซุ้มไผ่ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินอยู่ในป่าไผ่ เพิ่มความรู้สึกเป็นธรรมชาติให้กับสวนได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ประโยชน์ของต้นไม้ชนิดนี้ เรียกได้ว่าครบครันมาก เพราะลำต้น เมื่อโตเต็มที่แล้วสามารถตัดเอาไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ เช่น บันได โต๊ะ เก้าอี้ เป็นต้น ส่วนหน่อ แน่นอนว่ารับประทานได้ นำไปปรุงอาหารได้รสชาติดี และด้วยความที่พันธุ์ไผ่เลี้ยงไม่มีในประเทศไทย แต่เป็นที่นิยมปลูกกันมาก การเพาะพันธุ์ต้นไผ่ชนิดนี้ขายจึงสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้อย่างดีเดือนละหลายหมื่นเลยทีเดียว สำหรับใครที่อยากได้ช่องทางการทำเงินใหม่ละก็ ไผ่เลี้ยงอาจตอบโจทย์ค่ะ

 

 

 


 1000maidee.com

มาทำความรู้จัก สมุนไพรต้นดีหมี กัน

มาทำความรู้จัก สมุนไพรต้นดีหมี กัน

มาทำความรู้จัก สมุนไพรต้นดีหมี กัน

มาทำความรู้จัก สมุนไพรต้นดีหมี กัน ต้องยอมรับว่าสมุนไพรมีมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีสรรพคุณที่แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าจะใช้งานเกี่ยวกันอะไร ต้องการรักษาอาการแบบไหน หรือสมุนไพรบางตัวก็ใช้ในการบำรุงร่างกาย “สมุนไพรต้นดีหมี” หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Acalypha Spiciflora Burm.f. นอกจากนั้นยังมีชื่อเรียกตามภาษาถิ่น เช่น จังหวัดลำปางจะเรียกว่า ดินหมี, จังหวัดระนองจะเรียกว่า คัดไล, จังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะเรียกว่า กาดาวกระจาย, จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะเรียกว่า กาไลหรือ กำไล เป็นต้น ซึ่งเป็นสมุนไพรอีกตัวหนึ่งที่มีสรรพคุณมากมายในการรักษา มาทำความรู้จักกับสมุนไพรชนิดนี้ให้มากขึ้นดีกว่า มามีลักษณะแบบไหนและมีส่วนไหนบ้างที่สามารถนำมารักษาอาการต่างๆ ได้

 

 

พืชไม้สมุนไพรที่มีสรรพคุณเป็นยาอย่าง “ดีหมี” เป็นไม้ยืนต้นแบบไม่ผลัดใบในตระกูลของ EUPHORBIACEAE หรือวงศ์ยางพารา ขนาดของลำต้นจะสูงราว 10 – 20 เมตร มีสีออกดำเทา และเปลือกเกลี้ยงเกลา ใบของมันจะออกเรียงสลับตามกิ่ง เป็นใบเดี่ยวมีลักษณะวงรี ปลายมีลักษณะแหลมขอบหยักแบบใบเลื่อย ด้านใต้ของใบจะมีต่อมกระจายอยู่ ส่วนดอกของมันนั้นจะออกช่ออยู่ตามซอกของใบและปลายกิ่ง ดอกจะแยกเพศผู้และเพศเมีย ดอกตัวผู้จะเป็นช่อยาวมีดอกแยกย่อยเรียงอยู่ตามแกน เวลาที่ดอกบานจะมี 3 กลีบ ดอกตัวเมียจะเป็นดอกเดี่ยว มีกลีบออกมารองดอกจำนวน 5 กลีบ ผลของมันจะมีลัษณะเป็นทรงกลม สีขาวเป็นคู่ เวลาที่มันแก่จะแห้งจะแตกออกได้ ใช้เมล็ดในการขยายพันธุ์ สามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพดิน เพียงแค่มีความชื้นและมีแสงแดดปานกลางส่องรำไร ก็สามารถเติบโตได้เป็นอย่างดี มักจะพบได้ทางภาคใต, ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ในบริเวณที่เป็นป่าดิบแล้ง ป่าดิบชื้น และป่าดงดิบริมน้ำ ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลราว 400 – 800 เมตร

 

 

ประโยชน์ของ “สมุนไพรต้นดีหมี” นั้น มีมากมายในแต่ละส่วนของต้น มาดูกันว่าส่วนไหนมีสรรพคุณอย่างไร

  • ส่วนของเปลือกต้นสามารถนำมาต้มและดื่ม เป็นยารักษามะเร็ง, ลดอาการปวดท้อง, แก้ตับอักเสบ
  • ส่วนของแก่น มีสรรพคุณช่วยแก้ไข้ แก้ร้อนใน แก้อาการปวดศีรษะ สามารถนำมาต้มและดื่มเพื่อขับเหงื่อ
  • ส่วนของรากและใบ นอกจากการนำมาต้มดื่มแล้วยังสามารถนำน้ำที่ต้มมาอาบเพื่อรักษาอาการของไข้มาลาเรีย นอกจากนั้นใบของ สมุนไพรดีหมียังสามารถช่วยลกอาการผื่นคันได้ด้วย และรากสามารถนำมาต้มแก้อาการลมพิษในกระดูก
  • ส่วนของเมล็ดใช้เป็นยาระบาย

ต้องยอมรับว่าสรรพคุณของ สมุนไพรดีหมี นั้น มีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามควรใช้ในปริมาณที่พอดีไม่มากจนเกินไปและใช้อย่างถูกวิธี

 

 

 

 

 


 1000maidee.com

ต้นสนฉัตร

ต้นสนฉัตร

ต้นสนฉัตร

ต้นสนฉัตร เชื่อว่านักแต่งบ้านแต่งสวนหลายๆ คนน่าจะเคยเห็นไม้ยืนต้นที่มีทรงพุ่มเหมือนต้นคริสต์มาสกันแน่ ๆ แต่อาจจะยังไม่ค่อยรู้จักนักว่ามันเรียกว่าต้นไม้อะไร ขอตอบว่านั่นคือต้น “สนฉัตร” ค่ะ ด้วยจุดเด่นเหมือนต้นสนตามต่างประเทศอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนรักต้นไม้ แต่ขนาดที่ใหญ่มาก ๆ ของมันจึงอาจจะต้องกลับมาคิดอีกที และวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักพร้อม ๆ กันเลย

ที่มาของชื่อ “สนฉัตร” (Norfolk lsland Pine) นี้ มาจากลักษณะการแตกใบเป็นชั้น ๆ คล้ายกับฉัตรของเจ้านายในรั้วในวัง เมื่อนำไปปลูกที่ไหนจึงมักจะดูโดดเด่น นั่นเพราะดูไม่เหมือนต้นไม้ในเขตร้อนของประเทศไทย ต้นสนฉัตรเป็นไม้ยืนต้นที่เรียกได้ว่าใหญ่มาก หากโตเต็มที่อาจสูงได้ถึง 60 เมตร และอาจกว้างได้ถึง 3 เมตรเลยทีเดียว อายุยืนนาน ดังนั้นหากบ้านไหนจะปลูกแต่งสวน ก็ต้องมั่นใจว่ามีพื้นที่กว้างมากจริง ๆ สายพันธุ์ของสนฉัตรมีหลายหลายมากค่ะ แต่ที่ดูจะเหมาะกับประเทศไทยจริง ๆ ก็ต้องยกให้พันธุ์ ARAUCARIA EXCELSA ซึ่งมีต้นกำเนิดจากประเทศอเมริกาเลย

 

 

  • วิธีปลูกต้นสนฉัตร

สามารถเลือกปลูกได้ทั้งแบบลงดิน และลงในกระถาง หากอยากให้ต้นไม้โตเร็วและสูงควรปลูกแบบเพาะเมล็ด แต่หากไม่อยากให้มีลำต้นใหญ่ เหมาะกับการใช้เป็นไม้ประดับแต่งสวน ให้ใช้วิธีปลูกแบบปักชำ ดินที่ใช้ควรเป็นดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ต้นสนฉัตรจะชอบแดดจัด ควรรดน้ำสามวันครั้ง

 

 

 

  • การดูแลต้นสนฉัตร

การโดนลมหรือแสงแดดจะส่งผลต่อการเติบโตของต้น ควรปลูกต้นไม้ชนิดนี้ ในที่ที่มีลมปะทะไม่แรงมากนักเพื่อป้องกันใบร่วง และหากปลูกในกระถาง ควรหมั่นหมุนกระถางให้ลำต้นเข้าหาแดด เพราะต้นสนฉัตรมักโน้มลำต้นไปหาด้านที่มีแดดจัดมากกว่า จึงควรทำให้ต้นไม้ตั้งตรงเพื่อความสวยงาม นอกจากนี้กรณีเจอเชื้อราที่ทำให้ใบเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ควรใช้ยากำจัดเชื้อราฉีดป้องกันทุก 1-2 เดือน

แน่นอนว่าต้นสนฉัตรนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นไม้ประดับมงคลเช่นกัน เพราะรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เมื่อนำไปปลูกไว้ที่บ้านแล้วจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูเด่นสง่า เป็นที่เชิดหน้าชูตาของเจ้าของบ้าน การหาซื้อต้นสนฉัตรมาแต่งบ้านและสวนสวย สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายต้นไม้ทั่วไป ราคาจะแตกต่างกันไปตามขนาด มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน

 

 

 

 

 

 


 1000maidee.com

ต้นกระเช้าสีดา

ต้นกระเช้าสีดา

ต้นกระเช้าสีดา

ต้นกระเช้าสีดา ต้นไม้ที่หลายคนกำลังเข้าใจผิด จริง ๆ แล้วกระเช้าสีดาไม่ใช่กาฝาก แต่เป็นไม้เถาที่มีเนื้อแข็ง และใช้รากในการดำรงชีวิตเอง โดยไม่ต้องพึ่งดิน และที่สำคัญต้นกระเช้าสีดาไม่ได้เป็นเพียงแค่ไม้ประดับ แต่ยังมีความสามารถมากมายที่หลายคนยังไม่รู้ วันนี้เราจะมาแชร์เรื่องราวของต้นกระเช้าสีดา ต้นไม้หน้าตาแปลกแบบมหัศจรรย์ มีคุณประโยชน์มากมายมากกว่าที่ใครนึกถึง มาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร

ลักษณะของต้นกระเช้าสีดา เป็นไม้เถาที่ใช้รากในการเลื้อยตามหน้าดิน และในอีกตระกูลหนึ่งของกระเช้าสีดาสามารถดำรงชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งดินก็สามารถอยู่ได้

  1. ลักษณะใบของต้นกระเช้าสีดา จะเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมเรียงสลับด้านกันตามกิ่งก้านขิงต้น
  2. ลักษณะดอกของต้นกระเช้าสีดา รูปร่างจะเป็นลักษณะคล้ายกระเช้าและกลีบดอกจะมีเพียงกลีบเดียวที่หุ้มติดกัน พองออกเป็นรูปวงกลม และงอกออกมาเป็นลักษณะพวง มีสีเขียวอ่อนเมื่อแก่จะค่อย ๆเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มและสีน้ำตาล และที่สำคัญใบมีกลิ่นเหม็น
  3. ผลของต้นกระเช้าสีดาจะมีลักษณะเรียวยาว แต่ไม่ถึงกับยาวมาก บริเวณหุ้มผลจะมีเปลือกหุ้มทั้งหมด 6 แฉก ต้นอ่อนจะมองเห็นเป็นลักษณะรูปไข่ เมื่อผลเริ่มแก่บริเวณเปลือกหุ้มจากค่อย ๆ แตกออกและกระจายเป็นแฉกคล้ายดอกไม้

 

 

ประโยชน์หรือสรรพคุณของต้นกระเช้าสีดา ต้นกระเช้าสีดาถือว่าเป็นพรรณไม้ที่มีประโยชน์หลากหลายและใช้ได้เกือบทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะส่วนรากถือว่าเป็นสมุนไพรชั้นดี ที่คนสมัยก่อนชอบใช้ รากของต้นกระเช้าสีดามีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย และรักษาอาการวิงเวียน อาเจียน ช่วยขับลม

และสำหรับใครที่เห็นในละครชอบเอาใบไม้มาพอกเมื่อถูกงูกัด สิ่งนั้นคือ ใบของต้นกระเช้าสีดา  สามารถนำมาตำ เคี้ยว หรือบดละเอียด และนำไปพอกที่บริเวณถูกพิษงู

และที่สำคัญรากของต้นกระเช้าสีดา หรือหัวที่อยู่ใต้ดินนั้น ตามความสูตรสมุนไพรโบราณแล้ว หากนำมาต้มและดื่ม ถือว่าเป็นยาอายุวัฒนะ

 

 

วิธีการขยายพันธุ์ต้นกระเช้าสีดา จะใช้วิธีการขยายพันธุ์แบบธรรมชาติด้วยการแตกหนอ และขยายพันธุ์ทางสปอร์ ในผลของกระเช้าสีดา

เป็นอย่างไรบ้างกับเรื่องราวของต้นกระเช้าสีดาที่นำมาฝากในวันนี้ หากใครที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมบางเว็บไซต์ถึงมีรูปภาพของต้นกระเช้าสีดา ที่มีหน้าตาแตกต่างไปจากที่กล่าวข้างต้น ความจริงแล้วต้นกระเช้าสีดามีชื่อท้องถิ่นอยู่ 2 สกุล

สกุลแรกก็คือสกุลกระเช้าสีดา จะมีลักษณะเหมือนที่อธิบายข้างต้น และมีสรรพคุณคุณภาพประโยชน์เหมือนสมุนไพรไทยที่ใช้ทั่วไป

ส่วนสกุลที่ 2 เป็นสกุลห่อข้าวสีดา ลักษณะสกุลห่อข้าวสีดาจะมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างจากกระเช้าสีดา โดยมีใบเป็นเปลือกหนาหุ้มต้นไม้ จะเห็นได้ว่าใช้รากในการยึดติดกับวัตถุ หรือต้นไม้ขนาดใหญ่ มีใบใหญ่และหนากว่า คล้ายรูปปะการัง

 

 


 1000maidee.com