ต้นหว้า สมุนไพรอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามินดีต่อสุขภาพ 1000maidee

ต้นหว้า สมุนไพรอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามินดีต่อสุขภาพ

ต้นหว้า สมุนไพรอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามินดีต่อสุขภาพ

              ต้นหว้าอาจจะเป็นชื่อที่ไม่ค่อยมีใครเคยได้ยินแต่พืชเป็นชนิดนี้อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามินต่าง ๆ ที่ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดเพชรบุรีอีกด้วยทำให้ต้นหว้ากล้าเป็นไม้มีค่าที่หลายคนมักนำมาใช้ประโยชน์ในการกิน ในการบำรุงรักษาและถือเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วยและยังถืออีกว่าต้นหว้าเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและชัยชนะอีกด้วย

ต้นหว้า สมุนไพรอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามินดีต่อสุขภาพ 1000maidee

ลักษณะพิเศษ

เป็นต้นไม้ประเภทผลเขตร้อนมีขนาดใหญ่ลำต้นสูงตรงเปลือกต้นจะค่อนข้างเรียบเป็นสีเทาอ่อนๆจะมีกิ่งและก้านเยอะมากแต่มีความทนและแข็งแรง ปลายกิ่งจะห้อยลงมาใบจะตกตามกิ่งแต่ละใบมีความหนาทำให้ปกคลุมต้นไม้ได้ดี ใบอ่อนจะแตกออกเป็นสีแดงใบแก่จะหนาเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวออกเป็นคู่ตรงข้ามกันใบจะคล้ายวงรีผิวใบมีความเกลี้ยงเป็นมันเส้นแขนงใบจะมีความละเอียดอ่อนและเรียงขนานกันที่บริเวณขอบใบมีจุดน้ำมันออกดอกเป็นช่อกระจุกบริเวณซอกใบและปลายยอดกลีบดอกจะมีสีขาวไม่ก็สีเหลืองอ่อนๆฐานรองดอกรูปทรงคล้ายกรวยมีกลีบเลี้ยงสี่กลีบและกลีบดอกสี่กลีบด้วยกันแต่ในแต่ละดอกจะมีเกสรเพศผู้จำนวนมากมักจะออกดอกติดผลในช่วงเดือนธันวาคม-มิถุนายนผลอ่อนจะมีสีเขียวพอเริ่มแก่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีชมพู ม่วงแดง และม่วงดำตามลำดับผลจะเป็นรูปวงรีคล้ายไข่ผลสีม่วงแดงจะมีความฉ่ำๆของน้ำผิวเรียบมันมีรสชาติเปรี้ยวผลจะแก่ในช่วงเดือน พฤษภาคม ภายในผลจะมีเมล็ด 1 เมล็ด

การดูแลต้นหว้า

  • เจริญเติบโตได้ดีในดินที่ที่อุดมสมบูรณ์
  • มักขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือการแยกลำต้นที่เกิดใหม่
  • ดูแลให้บริเวณที่ปลูกที่แดดจัดตลอดทั้งวันที่สามารถส่องถึงต้นหว้าได้
  • ควรให้น้ำในปริมาณปานกลางสัปดาห์ละครั้งก็ได้เพราะพืชชนิดนี้เป็นพืชเขตร้อนที่มักชอบอากาศร้อนๆ

ประโยชน์ของต้นหว้า

  • ลูกหว้าหรือผลของต้นหว้าอุดมไปด้วยธาตุเหล็กซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและฟัน
  • เปลือกและใบของต้นหว้าสามารถนำมาใช้ทำเป็นยาอม ยากวาดคอ แก้ปากเปื่อย แก้คอเปื่อย เป็นเม็ดตามลิ้นและคอได้
  • ใบและเมล็ดหว้านำมาตำให้แหลกแล้วใช้ทารักษาโรคผิวหนังได้
  • เนื้อไม้สามารถนำมาทำเป็นสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในร่ม
  • ผลสุกลูกหว้ามักนิยมนำมารับประทานเป็นผลไม้และใช้ทำเป็นเครื่องดื่มหรือไวน์
  • ผลสดจะช่วยรักษาโรคหอบหืดที่เกิดจากการแพ้อากาศ ด้วยการนำผลหว้าสดมาต้มกับน้ำแล้วดื่มเพื่อบรรเทาอาการ

สมุนไพร

ต้นพญายา หรือกระแจะ สมุนไพรไทยสรรพคุณรักษาโรค 1000maidee

ต้นพญายา หรือกระแจะ สมุนไพรไทยสรรพคุณรักษาโรค

ต้นพญายา หรือกระแจะ สมุนไพรไทยสรรพคุณรักษาโรค

พญายาหรือเรียกอีกอย่างว่ากระแจะ เป็นสมุนไพรไทยที่พบได้ตามภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งใบ แก่นลำต้น เปลือก ผล และราก เพราะมีสรรพคุณทางยา เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้ดี สรรพคุณของ ต้นพญายา มีดังนี้

ลักษณะทั่วไปของต้นพญายา

พญายาหรือเรียกอีกชื่อว่ากระแจะ(ทานาคา) เดิมมีถิ่นกำเนินที่ประเทศอินเดีย  เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 3-8 เมตร มีหนามตามกิ่งและก้าน ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ปลายใบมีลักษณะแหลม  ต้นเป็นสีน้ำตาลอ่อน  ออกดอกที่ซอกใบ กลีบดอกสีขาว ผล เป็นผลสด รูปทรงกลม

สรรพคุณ ต้นพญายา หรือกระแจะ ตามตำราสมุนไพรไทย

  • ใบ : นิยมใบต้มผสมกับสมุนไพรอื่นช่วยรักษาอาการลมบ้าหมู ช่วยคุมกำเนิด
  • ราก : ถ้าหากปวดท้องตรงบริเวณลำไส้ใหญ่ถึงตรงลิ้นปี  ให้นำรากนำมาต้ม ช่วยรักษาโรคลำไส้ ช่วยขับเหงื่อ
  • เปลือก : ส่วนนี้ดีสำหรับผิวพรรณของเรามาก สามารถนำมาฝนกับน้ำสะอาดใช้ จะได้ผงสีเหลืองนวล นำมาทาผิวหน้าและผิวกายได้  ช่วยแก้สิว ฝ้า กระ นำเปลือกมาต้มสามารถใช้เป็นยาถ่ายได้
  • ผล  :  ช่วยแก้พิษ  ลดไข้หวัด ช่วยแก้อาการอาหารไม่ย่อย บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ  เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง ผลสุก ใช้เป็นยาสมานแผล  ช่วยเจริญอาหาร ดับพิษร้อน แก้ไข้ แก้ผอมแห้ง
  • เปลือกต้น :  มีรสขม รักษาไข้ ขับแก๊สในกระเพาะ
  • แก่น : ในส่วนแก่นจะให้รสจืด เย็น แตกต่างจากส่วนอื่น ๆ ที่มีรสขม ใช้หันเป็นท่อน ๆ ขนาดพอดี ไว้สำหรับดองเหล้ากินแก้กษัย (อาการเจ็บป่วยหลายสาเหตุ ที่ทำให้ร่างกายซูบผอม โทรม  ตัวเหลือง) เป็นยาบำรุงเลือด แก้กระษัย แก้โลหิตจาง ยังสามารถช่วยดับพิษร้อน แก้ไข้ ได้อีกด้วย
  • ยาพื้นบ้าน นิยมใช้ส่วนต้น นำไปต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามข้อ เส้นตึง แก้ไข้หวัดประดง (อาการคัน มีผื่น มีไข้ร่วมด้วย) แก้ร้อนในโดยในทาน วันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ครั้งละครึ่งแก้ว
  • ชาวพม่า นิยม นำส่วนเนื้อไม้มาบดกับหิดฝน ให้ได้ผงละเอียด เนื้อไม้มีกลิ่นหอมเย็นอ่อนๆ ใช้ทาผิวหนัง ทำให้ผิวเนียนสวย

จะเห็นได้ว่าประเทศไทยของเรานั้น มีพืชสมุนไพรอยู่เป็นจำนวนมาก ที่สามารถช่วยรักษาโรคได้เยอะแยะมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือพญายาหรือกระแจะ (ทานาคา) ก็เป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณทางยาดีเลิศ และยังรวมไปถึงการช่วยให้มีผิวพรรณที่ดี เปล่งปลั่ง ดูสวยเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้  เนื้อไม้ยังมีประโยชน์นิยมใช้แกะสลัก ใช้ทำตู้ และหีบใส่ของ ได้อีกด้วย

สมุนไพร

ไม้ฝาง สมุนไพรไทย ต้มน้ำสมุนไพรลิ่นหอมชั้นดี 1000maidee

ไม้ฝาง สมุนไพรไทย ต้มน้ำสมุนไพรลิ่นหอมชั้นดี

ไม้ฝาง สมุนไพรไทย ต้มน้ำสมุนไพรลิ่นหอมชั้นดี

       น้ำต้มฝางนั้นเป็นสมุนไพรชั้นดี  น้ำที่ได้จากการต้มไม้ฝางมีลักษณะเป็นสีแดง สามารถนำไปเป็นสีผสมอาหารช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอม หรือจะเพิ่มน้ำมะนาวและใบเตยลงไปด้วยก็ได้เพื่อให้มีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น ไม้ฝางจะช่วยบำรุงเลือด ช่วยแก้ร้อนใน และยังเป็นวัตถุดิบหลักใบการทำน้ำยาอุทัยทิพย์ที่เราเห็นกันบ่อยครั้ง ใช้ทาปากให้มีสีแดง หรือใช้หยดลงในน้ำดื่ม มีวิธีต้มแก่นฝาง ดังนี้ ฝางเป็นไม้ยืนต้น ลักษณะเป็นพุ่มสูงประมาณ 5-8 เมตร มีหนามที่กิ่งและลำต้น  ใบเรียว ดอกสีเหลืองเป็นช่อ ฝักจะลักษณะคล้ายรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูแต่โคนฝักจะกลมและปลายจะแหลมตรงข้างที่ยื่นออกมา ฝางเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็น มีสรรพคุณสามารถช่วยรักษาได้หลายอย่าง

สรรพคุณของไม้ฝาง

  • แก่นไม้ฝาง ใช้ยารักษาธาตุให้ธาตุสมดุล สามารถบำรุงร่างกายได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่เนื่องจากเป็นยาที่ข่วยขับเลือด จึงไม่เหมาะกับผู้หญิงที่ครรภ์ เพราะถ้าหากรับประทานเข้าไปอาจทำให้ตกเลือดและเกิดภาวะแท้งลูกตามมาได้
  • แก่นไม้ฝาง สามารถช่วยรักษาโรควัณโรค  ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี จึงทำให้ไม่เกิดเส้นเลือดอุดตัน ป้องกันโรคหัวใจวายเนื่องจากหัวใจขาดเลือด เป็นยาบำรุงเลือดช่วยให้รอบเดือนมาสม่ำเสมอ และยังช่วยลดอาการปวดมดลูกของผู้หญิงหลังคลอดด้วย
  • แก่นไม้ฝาง ใช้ลดไข้ แก้ไข้ทับฤดู แก้ร้อนใน ช่วยขับเสมหะ แก้ไข้หวัด และช่วยลดการรปวดหลังปวดเอวได้อีกด้วย
  • แก่นไม้ฝาง แก้เลือดออกทางทวาร รักษาโรคหอบหืด ความดัน  แก้ท้องเสีย ท้องร่วง รักษาอาการของโรคบิด ช่วยสมานลำไส้ รักษานิ่ว รักษาอาการเลือดหยุดช้า โรคกำเดาออกบ่อย  ถ้าหากนำแก่นไม้ฝางไปต้มก็จะสามารถช่วยให้อาการดังกล่าวนี้บรรเทาขึ้นได้ค่ะ

วิธีต้มแก่นฝาง

  • นำแก่นฝาง ที่หั่นเป็นท่อนและตากแห้งแล้ว มาล้างน้ำเปล่า
  • ตั้งหม้อเทน้ำเปล่าประมาณ 3 ลิตรลงไป จากนั้นนำแก่นฝางที่ล้างจนสะอาดแล้วใส่ลงไปในหม้อ (เพิ่มกลิ่นด้วยใบเตยด้วยก็ได้) ต้ม 10 นาทีให้น้ำเดือด เพิ่มรสชาติด้วยน้ำตาล
  • เมื่อต้องการดื่มให้กรองด้วยผ้าขาวบาง สามารถเพิ่มรสชาติให้สดชื่นด้วยน้ำมะนาวได้ ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น
  • แก่นฝางสามารถนำมาต้มซ้ำได้อีก 2-3 ครั้ง จนสีจางลง น้ำต้มฝางดื่มง่าย และสามารถเพิ่มรสด้วยน้ำตาลและน้ำมะนาวจะอร่อยมากขึ้น

ฝางเป็นพืชสมุนไพรที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการบำรุงเลือดบำรุงร่างกาย เป็นยารักษาอาการต่าง ๆ   และยังสามารถต้มดื่มได้ง่ายไม่ขม ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันโรค แต่ถ้าหากดื่มเยอะเหรือนานเกินไป อาจส่งผลให้วิงเวียนศีรษะ และมีความดันต่ำได้เช่นกันค่ะ

สมุนไพร

ไม้ทานาคา สมุนไพรประโยชน์และสรรพคุณมากกว่าเรื่องผิว1000maidee

ไม้ทานาคา สมุนไพรประโยชน์และสรรพคุณมากกว่าเรื่องผิว

ไม้ทานาคา สมุนไพรประโยชน์และสรรพคุณมากกว่าเรื่องผิว

         ถ้าพูดถึงไม้นาทาคาหลายคนต้องนึกถึงผงนาทาคาที่นำมาทาหน้าพอกหน้าพอกตัว ช่วยให้มีผิวพรรณที่เนียนสวยเปล่งปลั่ง ใช่มั้ยล่ะ แต่นอกจากนี้แล้วไม้ทานาคายังมีประโยชน์ต่อผิวของเราทั้งผิวหน้าผิวกายอีกหลายอย่าง ซึ่งบางท่านอาจจะยังทราบไม่หมดก็ได้   ประโยชน์และสรรพคุณของไม้ทานาคานั้นมีดังต่อไปนี้ ทานาคา ( သနပ်ခါး ) มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า กาซาน่า  มักจะพบเจออยู่แถบกลางของประเทศพม่า ส่วนที่นิยมใช้จะเป็นส่วนเปลือกเพราะให้กลิ่นที่หอมเย็น และยังเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์หลากหลาย  ต้นทานาคาที่จะนำมาใช้ได้ต้องมีอายุ 35 ปี เวลาจะใช้ต้องตัดเป็นท่อนขนาดพอดีสามารถจับได้ วิธีใช้คือนำเปลือกพรมน้ำนำไปฝนหรือบดกับหิน จากนั้นก็จะได้เป็นผงสีเหลืองนวล นิยมใช้ทาหน้าและทาตัว

เพราะในไม้ทานาคานั้น ช่วยในเรื่องของการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยไม่ให้เซลล์ผิวให้เสื่อมช้า ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียเมื่อหน้าเราสะอาดก็ทำให้ไม่เกิดสิว  ไม่มีผดผื่น ทั้งยังช่วยต้านไม่ให้เกิดฝ้ากระและจุดด่างดำ และยังสามารถช่วยป้องกัน UV อีกด้วยนะ

  • ช่วยปรับผิวที่หมองคล้ำ ทำให้เรามีผิวที่ขาวผ่อง และยังปลอดภัยอีกด้วยนะ
  • ช่วยให้เรามีใบหน้าที่เนียนและนุ่ม ไม่แห้งตึง เหมือนผิวเด็กเลยล่ะ
  • ถ้าหากเป็นสิวล่ะก็ สามารถนำผงทานาคามาแต้มที่หัวสิว ช่วยฆ่าแบคทีเรียที่อยู่ในสิว ทำให้อาการอักเสบลดน้อยลง ทำให้สิวแห้ง ยุบไว และการทานาคายังช่วยคุมความมัน ไม่ก่อให้เกิดสิวขึ้นใหม่ค่ะ

  • สำหรับสาว ๆ ที่เป็นฝ้า เป็นกระ หรือจุดด่างดำ ถ้าได้นำผงทานาคามาทาจะช่วยให้จางลงได้
  • ช่วยลดพผื่นคันจากการแพ้เครื่องสำอางหรือสารเคมี
  • มีประสิทธิภาพในการช่วยลดริ้วรอย ทำให้เราหน้าดูเด็ก ไม่มีรอยตีนกาค่ะ
  • ป้องกัน UV ในแสงแดดได้ดี
  • ช่วยผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว ดูจางลง รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว จางลง
  • ช่วยระงับกลิ่นกาย

จะเห็นได้ว่าสรรพคุณของไม้ทานาคานั้นดีมีประโยชน์ผิวพรรณของเรา ๆ มาก สามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลผิวหน้าและผิวกายให้ดูดีอ่อนเยาว์ค่ะ เนียนสวย  เฉกเช่น ผิวของสาวพม่า  ปัจจุบันมีทานาคาสำเร็จรูปขายอยู่ตามท้องตลาดเป็นจำนวนมาก แต่เราจะต้องสังเกตให้ดีว่าเป็นผงทานาคาแท้ 100% หรือเปล่า เพราะถ้าหากนำของปลอมมาทานั้นอาจส่งผลเสียต่อผิวของเราได้ ทานาคาแท้นั้นต้องมีผงหยาบ มีกลิ่นหอมเย็นเล็กน้อย  สุดท้ายถ้าเราลองเอามะนาวบีบลงแล้วเกิดฟองแสดงว่ามีดินสอพองผสมอยู่ด้วย

สมุนไพร

ผักแว่น สมุนไพรพื้นถิ่นหากินง่ายประโยชน์มาก 1000maidee

ผักแว่น สมุนไพรพื้นถิ่นหากินง่ายประโยชน์มาก

ผักแว่น สมุนไพรพื้นถิ่นหากินง่ายประโยชน์มาก

              พืชพันธุ์ในธรรมชาติบ้านเรามีหลายชนิดที่มีสรรพคุณทางยาและช่วยรักษาหรือป้องกันโรคได้ดีพอๆ กับยาตามโรงพยาบาลเชียวล่ะ แถมประโยชน์จากพืชผักนี้ยังไม่ทำให้ร่างกายเราเสื่อมโทรม ไตพัง หรือมีสารตกค้างหลงเหลืออยู่ด้วย วันนี้เราจะทำเอาประโยชน์ของผักแว่นมาฝากทุกคนกัน จะมีข้อดีแค่ไหน ไปดูกันนน

ผักแว่น สมุนไพรพื้นถิ่นหากินง่ายประโยชน์มาก

ทำความรู้จักผักแว่นกันหน่อย

            ผักแว่นเป็นสมุนไพรล้มลุก เป็นพืชอยู่วงศ์ตระกูลเดียวกับพวปเฟิร์น ผักแว่นมีความสูงไม่เกิน 1 ไม้บรรทัด หรือแค่ประมาณ 20 เซนติเมตรเท่านั้น จะขึ้นเป็นเหง้าอยู่ตามน้ำตื้นๆ ใบจะมีลักษณะคล้ายกังหัน มีทั้งหมด 4 ใบ ซึ่งใบจะลอยอยู่เหนือน้ำ ลำต้นจะมีสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเป็นสีน้ำตาล มีขนอ่อนๆ ปกคลุม รากของผักแว่นสามารถเจริญเติบโตได้ไม่ว่าจะอยู่ในน้ำหรือในดินก็ตาม ผักแว่นจะพบเห็นเยอะในเอเชียตะวันออกเฉียงใตและญี่ปุ่น พบเจอได้ตามคันนาหรือหนองน้ำที่ชื่นแฉะ

หลายคนอาจสับสนระกว่าง ผักแว่น ผักแว่นแก้ว และใบบัวบกได้ แม้จะมีลักษณะคล้ายกันแต่ก็มีจุดสังเกตุที่แตกต่างกันอยู่คือ ใบของผักแว้นจะคล้างกังหัน มีสี 4 แฉก ขอบใบจะเรียบ ส่วนผักแว่นแก้วใบจะเป็นใบเดียวทรงกลม ขอบใบจะมีรอยหยักลึก ผิวใบเรียบเป็นมัน และใบบัวบกใบจะเป็นใบเดี่ยว รูปร่างจะเว้าเข้าตรงกลางด้านในมองคล้ายรูปไต ขอบใบจะหยักแต่ไม่ลึกเท่าใบผักแว่นแก้ว ผิวด้านบนของใบจะเรียบมันเป็นเงาเช่นเดียวกัน

ประโยชน์ของผักแว่น

  • ผักแว่นเป็นผักที่มีธาตุเหล็กสูง โดยเฉพาะลำต้น จึงสามารถบำรุงเลือดได้ดี
  • หากไม่สบายน้ำที่ได้จากการต้มใบสดของผักแว่นสามารถช่วยลดไข้ได้ ส่วนลำต้นก็มีฤทธิ์ช่วยลดพิษร้อน ช่วยถอนพิษไข้ และช่วยลดอาการปวดศีรษะ
  • ในหน้าร้อนที่อากาศช่างร้อนเหลือแสน แนะนำให้นำใบสดของผักแว่นมาต้ม กรองกากใยออกไป เอามาดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ ช่วยลดความร้อนในร่างกาย
  • สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องสายตา หรือกำลังอยากหาทางป้องกันผักแว่นก็ช่วยได้ เพราะมีฤทธิ์บำรุงสายตา ป้องกันโรคตาอักเสบกับโรคตาบอดตอนกลางคืน และช่วยบรรเทาต่อกระจกได้

  • ใครมีปัญหาเรื่องกลิ่นปาก หรือชอบกัดกระพุ้งแก้มจนเป็นแผลน้ำต้มผักแว่นสามารถช่วยรักษาแผลทั้งในปากและลำคอได้ ช่วยลดกลิ่นปากและบรรเทาอาการของโรคปากเปื่อย และหากมีอาการเจ็บคอ เสียงแหบเสียงแห้งน้ำต้มผักแว่นก็ช่วยได้
  • ใบของผักแว่นสามารถใช้เป็นยาภายนอกรักษาแผล สมานแผล ช่วยให้แผลแห้ง หายไวขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการเกิดของเชื้อโรค แบคทีเรียต่างๆ ได้ ช่วยเร่งเนื้อเยื่อให้ผสานกันได้ดี อีกทั้งในปัจจุบันนี้ยังมีการนำเอาผักแว่นมาพัฒนาเป็นยารักษาแผลผ่าตัดใช้ในการแพทย์แล้วด้วย

สมุนไพร

ต้นสะเดา สมุนไพรมีประโยชน์ทางยา น้ำหมักชีวภาพไล่แมลง

ต้นสะเดา สมุนไพรมีประโยชน์ทางยา น้ำหมักชีวภาพไล่แมลง

ต้นสะเดา สมุนไพรมีประโยชน์ทางยา น้ำหมักชีวภาพไล่แมลง

สะเดา ( Siamese Neem Tree ) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ที่ผู้เขียนอยากแนะนำให้กับผู้ที่รักต้นไม้ได้รู้จัก และควรหาปลูกไว้ในสวนสักต้น นอกจากสะเดามีประโยชน์ทางยากับคนแล้ว ยังเป็นประโยชน์ที่ให้ผลดีมากในการนำมาเป็นน้ำหมักชีวภาพไล่แมลงอย่างได้ผลและปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี

ต้นสะเดา สมุนไพรมีประโยชน์ทางยา ทำน้ำหมักชีวภาพไล่แมลง

วิธีขยายพันธุ์

  • นำผลสุกสะเดาบี้เอาเนื้อหุ้มผลออกเหลือแต่เมล็ดในล้างน้ำแล้วผึ่งให้แห้ง
  • วัสดุเพาะใช้ดินผสมขุยมะพร้าวอัตราส่วน 1:1 ใส่ถุงพลาสติกแล้วนำเมล็ดลงดินแล้วกลบหน้าดินอีกรอบบางๆ เก็บไว้ในที่ร่ม รดน้ำทุกวันประมาณ 5-7 เมล็ดจะเริ่มงอก รอให้ต้นกล้าเติบโตจนมีความสูงของต้นประมาณ 10-12 นิ้ว ใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน แล้วค่อยนำลงดิน
  • ผู้ปลูกควรวางแผนคำนวณขั้นตอนและเวลาการเพาะให้เป็นต้นกล้าพร้อมปลูกในช่วงฤดูฝน เพราะสภาพอากาศและดินที่ชุ่มชื้น เหมาะกับการเจริญเติบโตของต้นกล้ามากที่สุด

นอกจากการเพาะเมล็ดแล้ว สามารถปลูกแบบชำต้นหรือตอนกิ่งก็ได้ แล้วแต่ใครสะดวกวิธีไหน เพราะผลออกมาไม่ต่างกัน

ขั้นตอนการปลูกและการดูแล

  • เลือกบริเวณที่น้ำไม่ท่วมขัง ปรับพื้นที่ให้เรียบถากถางวัชพืชโดยรอบให้หมด หลังจากกำหนดพื้นที่ปลูกแล้ว ขุดหลุมลึกประมาณ 30-50 ซม. ระยะห่างต่อหลุม 4 เมตร ตากดินที่ขุดขึ้นมาพร้อมวัชพืชที่ถางไว้ประมาณ 7-10 วัน
  • ผสมดินที่ตากแดดทิ้งไว้กับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกหมักอัตราส่วน 1:1 นำต้นกล้าลงหลุมกลบให้แน่นด้วยดินที่ผสมเตรียมไว้ หาไม้หลักมาปักเพื่อพยุงต้นกล้า สุดท้ายนำวัชพืชที่ตากจนแห้งมาคลุมโคนต้นเพื่อรักษาความชื้น แล้วรดน้ำให้ชุ่ม
  • คอยรดน้ำดูแลจนกว่าต้นกล้าแข็งแรง ประมาณ 1-2 เดือน จึงค่อยใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อให้อาหารทางดินอีกรอบ
  • ในช่วง 1-2 ปีแรก ควรคอยดูแลเรื่องวัชพืช และตัดแต่งกิ่งอยู่เสมอ เมื่อต้นเติบโตแข็งแรงดีแล้ว เราสามารถปล่อยให้สะเดาเติบโตตามธรรมชาติเองได้เลย เพราะต้นสะเดาเป็นต้นไม้ที่ชอบแล้งมาก ถ้าฝนทิ้งช่วงหรือดินแห้งมากๆก็ค่อยรดน้ำสักครั้ง การใส่ปุ๋ยก็เพียงปีละ 1-2 ครั้งพอ
  • ส่วนเรื่องศัตรูพืชหมดกังวลได้เลยปลอดภัยแน่นอน เพราะสะเดาเป็นต้นไม้ที่มีสารสารอะซาดิแรคติน (azadirachtin) ซึ่งออกฤทธิ์ฆ่าแมลงในตัวอยู่แล้ว สารนี้พบว่าอยู่ในส่วนของเมล็ดสะเดามากที่สุด ปัจจุบันมีผู้นำมาสกัดและทำขายเป็นการค้าเรียบร้อยแล้ว ส่วนใบ และดอก นิยมมาทำเป็นน้ำหมักชีวภาพซึ่งก็ได้ผลดีเช่นกัน วิธีทำก็ไม่ยุ่งยากสามารถทำไว้ใช้เองได้ในสวนของคุณเลย

สมุนไพร

ต้นมะหาด ไม้สมุนไพรประโยชน์มากมาย ตั้งแต่รากถึงผล 1000maidee

ต้นมะหาด ไม้สมุนไพรประโยชน์มากมาย ตั้งแต่รากถึงผล

ต้นมะหาด ไม้สมุนไพรประโยชน์มากมาย ตั้งแต่รากถึงผล

ต้นไม้ชนิดนี้จะพบได้ในป่าดงดิบทางภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงใต้และภาคตะวันตกเฉียงใต้ส่วนประกอบทั้งหมดของต้นไม้ต้นนี้สามารถนำมาทำประโยชน์ได้ในทุกๆส่วน บ้านไหนปลูกต้นนี้รับรองว่าได้ประโยชน์ไปเต็มๆเลยค่ะอยากรู้ไหมคะว่าคือต้นอะไรมันคือต้นมะหาดนั่นเองค่ะ ต้นมะหาด ( Monkey Jack, Monkey Fruit ) มีชื่อเรียกที่หลากหลายนะคะขึ้นอยู่กับภูมิภาคนั้นๆอย่างภาคเหนือจะเรียกว่า“หาดหนุน”และที่สำคัญยังเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์อีกด้วยค่ะ

ลักษณะพิเศษ

เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ไม่มีการผลัดใบส่วนใหญ่จะขึ้นตามที่กลางแจ้งต้นจะมีความสูงประมาณ 30 เมตรเปลือกไม้เป็นสีน้ำตาลเข้มเปลือกจะหยาบขรุขระและมีรอยแตกเล็กๆบริเวณรอยแตกจะมียางของต้นไหลซึมออกมา เป็นใบเดี่ยวเส้นเป็นแนวระนาบเดียวกันใบกว้างมากประมาณ20เซนติเมตร ผิวด้านบนมีขนอ่อนๆและผิวด้างหลังจะมีสีเขียวอมเทาเมื่อใบแก่ขนอ่อนๆจะหลุดออกหมดจนเหลือแค่ใบผิวเกลี้ยงๆ จะออกดอกเป็นช่อเล็กๆดอกมีสีเหลืองและชมพูอ่อนในหนึ่งต้นจะมีดอกสองเพศช่อดอกเพศผู้จะกลมออกดอกเป็นช่อเดี่ยวยาวช่อดอกเพศเมียจะเป็นรูปไข่สีเหลืองอ่อนออกดอกบริเวณกลีบช่วงบนมีกลีบทั้งหมด4กลีบจะออกดอกมากในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน ผลมะหาดเป็นรูปทรงกลมที่ไม่กลมมากผิวมีรอยเป็นปุ่มเล็ก ๆ ผลจะมีเนื้อมีรสชาติหวานอมเปรี้ยวสามารถนำมาทานได้ผลมีสีเหลืองเมื่อนานไปผลจะกลายเป็นสีส้มภายในผลมีเมล็ดมากมายลักษณะทรงสีน้ำตาลเทา

การดูแลต้นมะหาด

  • นิยมปลูกที่กลางแจ้งเพราะน้องสามารถทนต่อสภาพอากาศแดดร้อนได้ดี
  • นิยมขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและตอนกิ่ง
  • เติบโตได้ดีในดินทราย ดินร่วนปนดินทรายที่สามารถระบายน้ำและระบายอากาศได้ดี

ประโยชน์ของต้นมะหาด

ประโยชน์ของต้นมะหาดมีเยอะแยะมากมายกันเลยทีเดียวสงสัยกันใช่ไหมคะว่าต้นๆเดียวจะมีประโยชน์มากขนาดนั้นเลยหรอเราไปดูกันเลยค่ะว่าจริงไหม

  • ใยของเปลือกสามารถนำมาทำเป็นเชือกได้
  • เมื่อผลสุกสามารถนำมารับประทานได้จะมีรสชาติที่หวานอมเปรี้ยวอร่อย
  • แก่นมะหาดทำเป็นยาแก้ดวงจิตขุ่นมัว ระส่ำระสาย แก้อาการนอนไม่หลับได้
  • รากมะหาดสดหรือแห้งเมื่อนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้พิษร้อนใน
  • ผงปวกหาด ใช้ละลายน้ำทาแก้ผื่นคัน แก้เคือง ( ผงปวกหาดเป็นแก่นไม้หาดที่มีอายุ5ปีขึ้นไปส่วนนี้จะนำมาทำเป็นยารักษาโรคได้เยอะมากมายเลย เช่น แก้หอบหืด แก้โรคกระษัยไตพิการ ช่วยขับโลหิต และอีกมากมายเลย)

พันธุ์ไม้

ต้นสุพรรณิการ์ ไม้ประดับคุณประโยชน์ทางอาหารและบำรุงผิวพรรณ 1000maidee

ต้นสุพรรณิการ์ ไม้ประดับสมุนไพรบำรุงผิวพรรณและเส้นผม

ต้นสุพรรณิการ์ ไม้ประดับสมุนไพรบำรุงผิวพรรณและเส้นผม

วันนี้เรามีไม้ประดับสีสวยมาแนะนำเป็นต้นที่มีคุณประโยชน์เยอะแยะมากมายเมื่อต้นเจริญเติบโตเต็มที่สามารถนำมาใช้ได้ทั้งในทางอาหารและบำรุงผิวพรรณนั่นคือต้นสุพรรณิการ์ซึ่งเป็นต้นที่นิยมปลูกกันมากในช่วงตอนบนของไทย ประเทศไทยจะนิยมปลูกเป็นไม้ประดับและเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดนครนายกอีกด้วยอยากรู้กันไหมคะว่าต้นนี้มีลักษณะอย่างไร มีวิธีการดูแลอย่างไรและเรานำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้างไปดูกัเลยค่ะ

ต้นสุพรรณิการ์ ไม้ประดับคุณประโยชน์ บำรุงผิวพรรณและเส้นผม

ลักษณะพิเศษ

เป็นต้นไม้ที่ขึ้นได้ดีในดินทั่วๆไปนิยมปลูกในพื้นที่ที่มีแดดส่องถึง ไม้สูง10-15เมตรโดยเป็นต้นไม้ที่ผลัดใบจะเป็นใบออกเวียนสลับกันไปมีลักษณะ5แฉกปลายใบจะแหลมและโคนใบจะเป็นเว้าคล้ายรูปหัวใจ สัมผัสผิวของใบทั้งด้านหน้าและหลังมีความนุ่มใบจะค่อนข้างบางและไม่ทนหนักเมื่อใบแก่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงและร่วงมานั่นเรียกว่าการผลัดใบนั่นเองดอกจะมีสีเหลืองและกลิ่นหอมอ่อนๆเมื่อลมโชยก็จะได้กลิ่นผ่านๆจะออกดอกเยอะมากเกือบทั้งปีเลยก็ว่าได้ยิ่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคมจะออกเยอะมาก จะออกเป็นช่อๆที่บริเวณปลายกิ่งดอกจะค่อยๆบานทีละดอกแต่ละดอกจะมี 5 กลีบและกลีบจะบางมาก เกสรตัวผู้จะมีสีเหลืองโค้งจำนวนมากขนาดก็จะแตกต่างกัน ผลคล้ายรูปไข่คว่ำ เมื่อแก่จะแตกเป็น 3-5 พู เมล็ดสีน้ำตาลรูปถั่ว หุ้มด้วยปุยคล้ายปุยฝ้าย ต้นนี้กำเนิดมาจากอินเดียชาวอินเดียมักนิยมปลูกในวัดเพราะดอกไม้นี้เป็นดอกไม้ที่ใช้บูชาพระ

การดูแลต้นสุพรรณิการ์

  • พื้นที่ที่ปลูกจะต้องได้รับแสงแดดจัดตลอดทั้งวันส่วนมากปลูกที่กลางแจ้ง
  • น้ำให้แค่อาทิตย์ละ1ครั้งก็พอเพราะพืชนี้ต้องการแสงในการเติบโตมากกว่าถึงจะได้รับน้ำน้อยก็สามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่ได้
  • จะโตได้ดีในดินที่ร่วนและมีความชื้นปานกลาง
  • ในการใส่ปุ๋ยควรใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักจะใส่ปีละ4-6ครั้งในปริมาณ2กิโลกรัม/ต้น
  • สามารถขยายพันธุ์ได้ดีโดยการเพาะเมล็ดโดยให้นำเมล็ดแช่น้ำสองชั่วโมงก่อนที่จะนำไปเพาะ
  • จะมีแมลงพวกเพลี้ยแป้งที่คอยมากัดใบทำให้ใบร่วงลักษณะนี้ควรใช้ยาไดเมโธเอทในการกำจัด

ประโยชน์ของต้นสุพรรณิการ์

  • จะนำใบอ่อนๆของต้นสุพรรณิการ์มาต้มใช้ทำยาสระผม
  • สามารถนำยางมาเป็นเซรั่มบำรุงผิวได้
  • ในทางอาหารจะนำมาผสมไอศกรีมทำให้มีสีเข้มข้นน่ากินมากขึ้น
  • จะใช้ดอกและใบที่แห้งมาใช้ทำเป็นยาชูกำลังเพื่อมาเป็นอาหารเสริมให้กับร่างกาย

พันธุ์ไม้

ต้นแคนา ไม้สมุนไพรสรรพคุณมากมาย ยารักษาโรคจากธรรมชาติ1000maidee

ต้นแคนา ไม้สมุนไพรสรรพคุณมากมาย ยาจากธรรมชาติ

ต้นแคนา ไม้สมุนไพรสรรพคุณมากมาย ยาจากธรรมชาติ

พืชพันธุ์ธัญญาหารจากธรรมชาติส่วนใหญ่ล้วนเป็นยารักษาโรคในตัวเองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรไทยต่างๆ ก็ล้วนแต่อุดมไปด้วยสรรพคุณมากมาย และวันนี้เราก็ได้นำอีกหนึ่งพืชพันธุ์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนั่นคือแคนา หรือแคป่านั่นเอง ใครอยากรู้ว่าต้นแคนา สรรพคุณมีอะไรบ้างไปชมพร้อมกันเลย

ต้นแคนา ยารักษาโรคจากธรรมชาติ

  • ต้นแคนามีชื่อแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่งอย่างแคป่าหรือแคขาว ถือเป็นผักป่า สมุนไพร ไม้ประดับ และไม้มงคลในต้นเดียวกัน เป็นหนึ่งในไม้ยืนต้นขนาดกลางๆ มีความสูงได้ตั้งแต่ 10 เมตร ไปจนถึง 20 เมตรเลยเป็นต้นไม้ที่นิยมปลูกเพื่อให้ร่มเงาและรับประทาน มีลำต้นตรง แตกกิ่งอยู่ต่ำๆ เปลือกจะมีสีน้ำตาลอมเทามีรอยด่างดำประปราย มักจะพบได้ทั่วไปตามป่าเบญพรรณและตามคันนา มีอยู่เกือบทุกภาคในประเทศไทยยกเว้นภาคใต้ พบเจออยู่ตามประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม พม่า และลาวด้วย
  • ดอกของต้นแคนานั้นมีสีขาวมีรูปร่างคล้ายแตร กลีบดอกบางมีsizeใหญ่ ดอกมีความยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ออกดอกเป็นช่อ ในหนึ่งช่อจะมีดอกประมาณ 2 – 10 ดอก ซึ่งดอกแคนาจะบานตอนกลางคืนทีละดอกๆ และส่งกลิ่นหอม โดยในช่วงเดือนมีนาคมไปจนถึงเดือนมิถุนายนจะเป็นช่วงที่ดอกแคนาจะบาน ดอกของต้นแคนานั้นรับประทานได้ นิยมทานสดหรือนำไปลวกทานกับน้ำพริก
  • ตัวเนื้อไม้ของต้นแคนานั้นจะเปลาะมาก ไม่นิยมนำมาทำเป็นโครงสร้างบ้านเรือน แต่สามารถนำมาทำเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อใช้งานได้

ต้นแคนา สรรพคุณมากมาย

  • สรรพคุณของต้นแคนานั้นมีมากมายเริ่มจากตัวดอกที่นิยมนำมารับประทาน ดอกจะมีรสขม สามารถทานเพื่อลดอาการท้องเสียได้ มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีสารต้านมะเร็ง มีฤทธิ์ขับพิษ ขับปัสสาวะ บำรุงเลือด ลดอาการเจ็บจอและเสมหะ ลดอาการอักเสบของแผลได้ รวมไปถึงใครที่มักมีอาการนอนไม่หลับดอกแคนาก็มีฤทธิ์ช่วยให้หลับสบายขึ้น
  • ในส่วนของฟักและเมล็ดต้นแคนานั้นให้รสหวานเย็น สามารถนำมาใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ ได้ ขับปัสสาวะ แก้ริดสีดวง แก้อาการปวดประสาทและโรคชัก ในส่วนรากกับเปลือกจะให้รสหวานเย็น มีฤทธิ์ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ขับปัสสาวะ ลดอาการอักเสบของแผล บำรุงเลือด คุณแม่ที่เพิ่งคลอดใหม่ๆ สามารถทานได้เพื่อบำรุงร่างกาย
  • ตัวใบของต้นแคนาจะให้รสเย็น นิยมนำมาบดละเอียดใช้พอกแผลช่วยให้หายเร็ว ลดการอักเสบได้ และสามารถนำมาต้มเพื่อใช้บ้วนปาก

พันธุ์ไม้

กันเกรา ไม้สมุนไพร สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 1000maidee

กันเกรา ไม้สมุนไพร สัญลักษณ์ประจำมหาลัยอุบลราชธานี

กันเกรา ไม้สมุนไพร สัญลักษณ์ประจำมหาลัยอุบลราชธานี

สำหรับใครที่ชอบ ปลูกต้นไม้ ก็คงจะรู้ว่าการที่เรา ปลูกต้นไม้ มันให้ประโยชน์หลายอย่าง ไม่ใช่เพียงแค่ลดโลกร้อนอย่างเดียว แต่มันจะเป็นเหมือนกับธรรมชาติบำบัด ที่ทำให้เรามีสุขภาพดี แข็งแรง ระหว่างที่เราทำการรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยก็เหมือนกับการที่เราได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย และอีกหนึ่งต้นไม้ ที่หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้จัก นั่นก็คือต้น กันเกรา

ต้น กันเกรา ( Tembusu ) หรือชื่ออื่น ๆ อย่าง มันปลา, ตำแสง, ตำเสสา, ตาเตรา  และ ตะมะซู เป็นต้น ก็ขึ้นอยู่กับชื่อเรียกของแต่ละภูมิภาค อาจจะไม่ได้เป็นที่รู้จักมากในปัจจุบัน โดยต้นกันเกรานั้น ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เพราะเมื่อต้นได้มีการโตเต็มที่แล้วจะสามารถสูงได้มากที่สุดประมาณ 15 – 20 เมตร ส่วนลำต้นจะเป็นลักษณะทรงตรงสูง เปลืองต้นทั้งต้นจะเป็นสีน้ำตาล เป็นลักษณะผิวเรียบมันแต่ถ้าลำต้นแก่ ก็จะมีการแตกร่องยาว ลึก เป็นช่วง ๆ แต่ยิ่งแก่ก็ยิ่งมีความแข็งแรง คงทน และสามารถแตกกิ่งก้านแผ่ขยายได้เหมือนเดิม

ส่วนใบของต้นกันเกรา จะเป็นใบเดี่ยว ส่วนมากใบจะออกแน่หนาที่สุดตรงบริเวณปลายยอด เป็นรูปวงรี มีสีเขียวเข้มสามารถมองเห็นแขนงได้แบบอ่อน ๆ ฐานใบมน ปลายจะมีความแหลม โดยขนาดของใบจะกว้างประมาณ 4 – 6 เซนติเมตร และยาว ประมาณ 8- 12 เซนติเมตร นอกจากนี้ในส่วนของดอก จะออกเป็นช่อในลักษณะกระจุกกัน และมักจะขึ้นตามซอกใบหรือตามกิ่งก้านต่าง ๆ ดอกจะมีสีขาวและสีเหลืองอ่อน ส่งกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน มีขนาดประมาณยาว 4 – 12 เซนติเมตร และก้านช่อยาว 3 – 6.5 เซนติเมตร เมื่อดอกเริ่มบานจะเป็นสีขาว แต่ถ้าต้นไหนที่โตเต็มที่แล้วเราจะเห็นว่าดอกเป็นสีเหลืองเข้ม แต่ในปัจจุบันเราอาจจะไม่ค่อยได้พบต้น กันเกรา ตามทั่วไปกันสักเท่าไหร่ เพราะมักจะพบตาม ป่าเบญจพรรณ, ป่าดิบแล้ง และ ป่าเต็งรัง นอกจากเราจะ ปลูกต้นไม้ กันเกรา ไว้ที่บ้าน

นอกจากนี้การ ปลูกต้นไม้ กันเกรา ไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และยังเป็นหนึ่งในพรรณไม้มงคลที่ปลูกแล้วดีอีกด้วย ต้นกันเกราเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่ง เพราะมีชื่อที่เป็นมงคล เพราะกันเกรา หมายถึง กันสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายไม่ให้มาทำอันตรายแก่คนที่ปลูก และนอกจากนี้ยังมีความสวยงามและดอกของต้นก็ส่งกลิ่นหอมสดชื่น ยังสามารถปลูกได้ง่ายแข็งแรงทนทาน สามารถปลูกไว้ในบริเวณบ้านหรือในที่สาธารณะ และเป็นไม้มงคล 1 ใน 9 ชนิดของไทยเรา ที่คนนิยมนำมาใช้ในพิธีกรรมในตอนก่อสร้างบ้านเรือนเพื่อความเป็นสิริมงคล กันเกรา ไม้สมุนไพร สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

พันธุ์ไม้