Mammillaria bocasana หรือ ลูกแมว

Mammillaria bocasana หรือ ลูกแมว

Mammillaria bocasana หรือ ลูกแมว

อีกหนึ่งต้นกระบองเพชรจิ๋วสายพันธุ์ที่หน้าจับตามองในการนำมาเลี้ยงมาปลูกดูแลนั่นก็คือ “ต้นกระบองเพชรลูกแมว” ที่เป็นต้นพืชที่เลี้ยงง่ายโดยมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว และที่สำคัญตัวต้นพืชชนิดนี้ จะมีขนที่คล้ายขนแมวปุยสีขาวออกมาเป็นจำนวนมากเมื่อมีการเจริญเติบโตที่เต็มที่

ที่สำคัญความสวยงามของต้นพืชชนิดนี้ เมื่อมีความอุดมสมบูรณ์อย่างต่อเนื่องจะได้ดอกสีชมพู ม่วงที่ดูแล้วมีความสวยงามอย่างมาก โดยมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศแม็กซิโก ที่มักจะเกิดตามก้อนหินในบริเวณนั้น จึงได้นำมาถูกเผยแพร่และเป็นที่นิยมที่ประเทศไทย เพราะการเลี้ยงที่ดูแลง่าย ออกดอกเก่งมากในทุกปี จึงทำให้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในตอนนี้ อีกทั้งสามารถปลูกกับดินร่วนและปนทราย ที่มีการระบายน้ำได้เป็น

อย่างดี โดยอาจจะเป็นการใส่ปุ๋ยหรือสารละลายช้าของปุ๋ยที่มีการทำซ้ำทุกๆ 3 เดือน โดยจะชอบอยู่ในบริเวณที่มีแดดรำไรตลอดเวลา และควรรดน้ำให้ชุ่มฉ่ำพอเหมาะ แต่ไม่ถึงกับต้องเปียกมากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้ต้นกระบองเพชรลูกแมวเน่าและตายไปในที่สุด ที่สำคัญควรระวังในช่วงหน้าฝนให้เป็นอย่างดี และส่วนการเติบโตที่อุดมสมบูรณ์การขยายพันธุ์ของพืชชนิดนี้ มักจะเป็นวิธีการทำที่เพาะเมล็ดและการปักชำหน่อของต้นกระบองเพชร เพื่อที่จะช่วยให้ต้นพืชชนิดนี้ สามารถเติบโตและอุดมสมบูรณ์ที่สุดนั่นเอง

 

 

พันธุ์ไม้

Astrophytum myriostigma หรือ หมวกสังฆราชขาว

Astrophytum myriostigma หรือ หมวกสังฆราชขาว

Astrophytum myriostigma หรือ หมวกสังฆราชขาว

สำหรับใครที่กำลังมองหาเจ้าต้นแคสตัสหรือต้นกระบองเพชรจิ๋วที่มีขนาดเล็ก ที่สามารถเลี้ยงง่ายและไม่ตายเร็ว และยิ่งเมื่อมีการเจริญเติบโตที่เพิ่มมากขึ้น ก็มักจะมีดอกออกมาให้รับชมอย่างสวยงามอีกด้วย อีกทั้งเมื่อมองจะมุมบนลงมาจะเห็นได้ว่าเป็นพืชไม้ที่มีลักษณะคล้ายรูปดาว และนั่นก็คือ… “ต้นกระบองเพชรหมวกสังฆราช”

ต้องบอกเลยว่าเป็นต้นพืชที่ดูแลและเลี้ยงง่าย จะมีลักษณะเด่นคือเป็นต้นพืชที่อวบน้ำ สามารถมีอายุได้นานหลายปีในการเลี้ยงดูแล เป็นทรงกลมสีเขียวอ่อน ต้นกระบองเพชรสายพันธุ์นี้จะออกดอกเป็นยอดสีเหลืองอ่อน เป็นกลีบซ้อนกันคล้ายกับดอกเบญจมาศ มักจะนิยมปลูกด้วยดินร่วนปนทราย ชอบอยู่ในที่แสงแดดจัด

และต้องการปริมาณน้ำที่ไม่มากจนเกินไป อาจจะเป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็ได้ และก็ยังได้เป็นต้นพืชที่นิยมนำมาเลี้ยงและปลูกไว้ในบริเวณที่เป็นอาคาบ้านเรือนส่วนใหญ่ จนได้กลายเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ของต้นกระบองเพชร ที่หน้าจับตามองในการนำมาเลี้ยงและดูแลอย่างมากจริงๆ

 

 

วิธีดูแลต้นไม้

Cereus Peruvianus หรือ ปราสาทนางฟ้า

Cereus Peruvianus หรือ ปราสาทนางฟ้า

Cereus Peruvianus หรือ ปราสาทนางฟ้า

      หากใครที่กำลังมองหาต้นแคสตัสหรือเจ้าต้นกระบองเพชรขนาดจิ๋ว ที่มีรูปร่างหน้าตาน่ารักตะมุตะมิ ก็อยากจะแนะนำอีกหนึ่งสายพันธุ์นั่นก็คือ “ต้นกระบองเพชรปราสาทนางฟ้า” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไม้ล้มลุกที่มีลักษณะรูปทรงสูงยาวคล้ายตึกคอนโด ปราสาท

และที่สำคัญยังเป็นต้นพืชที่อวบอิ่มน้ำอยู่ตลอดเวลา ชอบแสงแดดที่อยู่รำไร ไม่จัดจ้านจนเกินไป ที่สำคัญสามารถทนต่อสภาพความแล้งได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากคนที่ไม่มีเวลาดูแลก็สามารถเลี้ยงต้นกระบองเพชรสายพันธุ์นี้ได้เช่นกัน ซึ่งรูปร่างลักษณะที่ดูโดดเด่นเลยก็จะเป็นตัวลำต้นที่มีความยาวสูงคล้ายรูปทรงกระบอก 5 เหลี่ยม มีพื้นผิวเป็นสีเขียวเข้ม

ถูกปกคลุมด้วยหนามสีขาวบางๆล้อมรอบบริเวณลำต้นอยู่ และยิ่งเมื่อมีการเติบโตที่อุดมสมบูรณ์เต็มที่แล้ว ตัวลำต้นก็จะมีการแตกหน่อเพิ่มขึ้นอีกด้วยเช่นกัน สำหรับวิธีการดูแลรักษาก็ง่ายมากเหมือนกับสายพันธุ์อื่นๆทั่วไป คือไม่ชอบปริมาณน้ำที่เยอะ ควรทำการรดน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็เพียงพอ และควรปลูกด้วยดินร่วนปนกับทราย เพราะจะทำให้ลำต้นมีการเติบโตที่รวดเร็วนั่นเอง

 

 

วิธีดูแลต้นไม้

Echinocactus grusonii หรือ ถังทอง

Echinocactus grusonii หรือ ถังทอง

Echinocactus grusonii หรือ ถังทอง

ในช่วงที่เป็นหน้าฝนแบบนี้ หากใครที่กำลังมองหาเจ้าต้นแคสตัสหรือต้นกระบองเพชรจิ๋ว มาปลูกในช่วงนี้ก็คงต้องศึกษาให้ดี ว่าแต่ละต้นพืชมีการเลี้ยงดูอย่างไร ต้นไหนที่ไม่ชอบปริมาณน้ำที่มาก และเช่นเดียวกับเจ้าต้นกระบองเพชรถังทอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่เป็นต้นพืชที่น่ารักและนำมาปลูกดูแล แต่เป็นต้นพืชที่ไม่ชอบปริมาณน้ำที่มาก ยิ่งเมื่อหน้าฝนแบบนี้คงต้องหาบ้านที่ไม่ให้น้ำฝนมาถูกในปริมาณที่มากขี้นนั่นเอง

โดยเจ้าต้นกระบองเพชรสายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดแท้จริงมาจากประเทศเม็กซิโก มีลักษณะรูปร่างเป็นทรงกลม มีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วเพิ่มขึ้น 1 เมตรในทุกปี มีหนามที่แหลมยาวที่โค้งเล็กน้อย มักจะเหมาะกับการเลี้ยงดูในช่วงฤดูร้อนมากกว่า อีกทั้งยังเป็นต้นพืชที่ควรปลูกในดินที่สามารถระบายน้ำได้ดี ไม่ควรรดน้ำในปริมาณที่มาก เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้ต้นพืชเจ้าจิ๋วนี้ เน่าและตายในที่สุด

และถึงอาจจะชอบแสงแดดจัดมากสักเท่าไหร่ ก็ควรต้องดูแลเจ้าต้นพืชจิ๋วอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นต้นกระบองเพชรที่มีผิวเนื้อสัมผัสที่บอบบาง อาจจะทำให้เกิดการไหม้แดดได้อีกเช่นกัน และเมื่อมีการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ก็จะออกดอกบริเวณปลายยอดที่เป็นดอกสีเหลืองออกมาให้รับชมกันอีกด้วย จนสุดท้ายก็ได้ถูกนำมาเผยแพร่ในประเทศไทยจนได้กลายเป็นต้นพืชที่มีผู้คนนิยมนำมาเลี้ยงมากที่สุดอีกหนึ่งสายพันธุ์นั่นเอง

 

 

 

วิธีดูแลต้นไม้

Gymnocalycium Baldianum หรือ บาเนียนัม

Gymnocalycium Baldianum หรือ บาเนียนัม

Gymnocalycium Baldianum หรือ บาเนียนัม

      อีกหนึ่งสายพันธุ์ของแคสตัสหรือเจ้าต้นกระบองเพชรจิ๋วที่มีผู้คนนิยมนำมาเลี้ยงปลูกดูแล และชื่นชมดอกของมัน ที่เมื่อมีการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ ก็มักจะมีการออกดอกมาให้ทุกคนได้หลงใหลและเพลิดเพลินไปกับความงามของมันทุกครั้ง และนั่นก็คือ “ต้นกระบองเพชรบาเนียนัม” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศแม็กซิโกส่วนใหญ่ มีรูปร่างลักษณะที่เป็นทรงกลมออกแบน มีขนาดจิ๋วน่ารัก ลำต้นจะมีสีที่มีความเข้มอย่างมากเป็นโทนสีน้ำตาลเข้มจนไปออกดำ

โดยมักจะมีหนามปกคลุมอยู่รอบๆบริเวณลำต้น แต่หากมีการเจริญเติบโตที่เต็มที่อุดมสมบูรณ์ก็จะออกดอกที่มีสีสันสวยงามเป็นสีแดงบานเย็นให้เราได้รับชม เพราะการที่มีดอกออกมาสีสันสวยงามนั้น จึงทำให้สายพันธุ์นี้กลายเป็นอีกหนึ่งต้นพืช ที่มีผู้คนสนใจอยากละลองมาปลูกกันเป็นจำนวนมากนั่นมากเอง

อีกทั้งในเรื่องของการดูแลและการรดน้ำต้นพืชชนิดนี้ ก็จะมีวิธีการดูแลคล้ายคลึงกับต้นพืชสายพันธุ์อื่นๆ ถึงแม้จะเกิดในเขตที่มีความร้อนชื้น แต่ต้นพืชชนิดนี้ก็ใช่ว่าจะชอบแสงแดดจัดจ้านจนเกินไป และหากใครที่กำลังกังวลว่าไม่มีเวลาในการเลี้ยงดู ไม่ต้องห่วงเลย เพราะต้นพืชชนิดนี้สามารถทนต่อความแล้งได้เป็นอย่างดี อาจจะกลับมารดน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็คงจะเพียงพอ

 

วิธีดูแลต้นไม้

การดูแลไม้ดอก ไม้ประดับ ให้สวยงาม ทุกฤดูกาล

การดูแลไม้ดอก ไม้ประดับ ให้สวยงาม ทุกฤดูกาล

การดูแลไม้ดอก ไม้ประดับ ให้สวยงาม ทุกฤดูกาล

       การปลูก การดูแลไม้ดอก ไม้ประดับ จะต้องอาศัยความละเอียดอ่อนในการดูแล เพราะจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้คุณสมบัติ ความชอบ จุดเด่น จุดด้อย ของต้นไม้นั้น ๆ ทั้งนี้ยังรวมไปถึง ปริมาณน้ำที่รด แสงแดด การให้ปุ๋ย การตัดแต่ง และการเปลี่ยนถ่ายกระถางอีกด้วย

 

  • ปริมาณน้ำที่ใช้ในการรด การรดน้ำมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชแทบทุกชนิด การให้น้ำที่น้อยเกินไป หรือ เยอะเกินไป โดยไม่ศึกษาวิธีการให้น้ำของพืชแต่ละชนิดอย่างถูกต้อง อาจส่งผลเสียกับพืชได้ ดังนั้น จำเป็นจะต้องดูชนิดของดินที่ใช้ปลูก ความชื้น อากาศ ฤดูกาล ระยะเวลาที่โดดแดด อุณหภูมิ การให้น้ำในปริมาณที่พอดี เจริญเติบโตดี ทำให้พืชมีอายุยืนยาว และสวยงาม

 

 

  • การใส่ปุ๋ย ปุ๋ยเป็นอาหารที่ช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ โดยการให้ปุ๋ยจะต้องคำนึงถึงสภาพดิน ถ้าหากดินแห้ง ขาดสารอาหาร ก็จะต้องใส่ปุ๋ยเพื่อเพิ่มสารอาหารในดิน ช่วยให้ดินมีสารอาหารมีเพียงพอต่อความต้องการของพืช ซึ่งควรเน้นการใช้ปุ๋ยประเภทอินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรืออาจจะให้ปุ๋ยตามแต่ละช่วงฤดูกาลด้วยปุ๋ยเคมีบ้าง เพื่อปรับสภาพดิน เช่น ฤดูร้อน ให้ใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง โปรแตสเซียมปานกลาง และ ฟอสฟอรัสต่ำ ฤดูฝน ให้ใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนต่ำ โปแตสเซียมสูง ฟอสฟอรัสสูง ฤดูหนาว ให้ใส่ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เพราะไนโตรเจนจะช่วยกระตุ้น ให้พืชเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

 

 

 

 

  • การตัดแต่ง ไม้ดอก ไม้ประดับที่ปลูกไว้นานแล้ว จะต้องได้รับการตัดแต่งกิ่ง ด้วยการเลือกใช้กรรไกร หรือ มีดที่คม เพราะถ้าหากใช้มีดหรือกรรไกรที่มีความคมน้อย ต้นไม้จะต้องใช้เวลาในการสมานแผลที่นานขึ้น การตัดแต่งกิ่งนอกจากช่วยให้เป็นพุ่มที่สวยงาม ยังเป็นการยับยั้งการเกิดโรค จากกิ่งที่เป็นโรค ไม่ให้โรคลามไปทั่วต้น นอกจากนี้กตัดกิ่งที่ตายแล้ว และเหี่ยวออก เป็นการรักษาต้นไม้ และนั่นเอง

 

 

  • การเปลี่ยนถ่ายกระถาง ไม้ดอก ไม้ประดับ ที่เติบโตเต็มที่ จะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายกระถางใหม่ ทำให้ต้นไม้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะรากมีพื้นที่ในการชอนไชมากขึ้น เจริญเติบโตได้ดี โตไว ได้รับแร่ธาตุ สารอาหารที่สมบูรณ์จากดิน ทั้งนี้ยังต้องคำนึงถึงขนาดกระถาง ไม่เล็กหรือใหญ่เกินขนาดของต้นไม้ รวมไปถึงเวลาในการเปลี่ยนถ่ายกระถางอีกด้วย

 

การดูแลไม้ดอก ไม้ประดับ ให้สวยงาม ทุกฤดูกาล

 

การดูแลเอาใจใส่ไม้ดอก ไม้ประดับ หรือต้นไม้ ให้เจริญเติบโต แตกกิ่งก้าน ออกผล ออกดอกที่สวยงาม จะต้องหมั่นสังเกตการเจริญเติบโต การรดน้ำอย่างเดียวไม่เพียง เพราะพืชต้องยังต้องการแร่ธาตุ สารอาหาร เพื่อการเจริญเติบโตที่ดีอีกด้วย

วิธีดูแลต้นไม้

ต้นไม้เสริมเสน่ห์

วิธีดูแลกล้วยไม้ สกุลแวนด้า เลี้ยงยังไงให้ออกดอกสวย

วิธีดูแลกล้วยไม้ สกุลแวนด้า เลี้ยงยังไงให้ออกดอกสวย

              ต้นไม้ ดอกไม้ ทั้งหลาย ก็ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอีกประเภทหนึ่งค่ะ การเลี้ยงดูและบำรุงรักษาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก การให้น้ำ ให้ปุ๋ย รวมไปถึงการให้สารอาหารเสริมต่าง ๆ เราจึงจำเป็นต้องรู้ถึงปริมาณที่เหมาะสม อีกทั้งการจัดสถานที่ไว้สำหรับพวกเขาก็สำคัญเช่นกันค่ะ ดังนั้นก่อนการตัดสินเลี้ยง ต้นไม้และพืช เราจึงควรศึกษาให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน เพื่อที่จะได้เรียนรู้ถึงพวกเขามากขึ้นค่ะ และวันนี้เราจะมาพูดถึง กล้วยไม้สกุลแวนด้าค่ะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสกุลที่วิธีการเลี้ยงไม่ได้ยากหรือซับซ้อนมากเกินไปค่ะ เราจะมาดูว่าวิธีการดูแลรักษาแวนด้าทำได้อย่างไรบ้าง แวนด้า ออกดอกปีละกี่ครั้ง และอะไรคือสิ่งที่แวนด้าชอบค่ะ

  • ห้ามมืดสนิท สำหรับแวนด้า การถูกเลี้ยงกลางแดดหรือในร่มที่มืดสนิท จะไม่ส่งผลดีต่อแวนด้าค่ะ เพราะแวนด้าชอบที่ที่มีแสงแดดรำไร ถ้าหากปลูกในโรงเรือนก็ต้องมีการพรางแสงให้เขาสักเล็กน้อยค่ะ
  • ทำเลในการจัดวาง กล้วยไม้ควรนำไปแขวนให้ด้านหนึ่งไปทางทิศตะวันออกและอีกด้านหนึ่งไปทางทิศตะวันตก

  • ทริคการถ่ายลงกระถาง สำหรับคนที่กำลังจะเตรียมถ่ายกล้วยไม้ลงสู่กระถางก็มีทริคเล็ก ๆ มาฝากกันค่ะ สิ่งสำคัญคือ ห้ามดึงตัวกล้วยไม้นะคะ เพราะจะทำให้เสียหายได้ แต่ควรนำไปแช่น้ำ ก่อน จากนั้นจึงค่อยนำลงกระถาง

ปุ๋ยกล้วยไม้ ยี่ห้อไหนดีเพื่อให้ดอกกล้วยไม้ออกมาสวยงาม 1000maidee

  • น้ำ นอกจากนี้น้ำก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สำคัญสำหรับแวนด้าค่ะ ไม่ควรให้น้ำเยอะไปหรือไม่น้อยไปค่ะ วิธีเช็คให้ลองม้วนรากดูค่ะ หากรากมีลักษณะนิ่ม ๆ แปลว่าน้ำเพียงพอ แต่หากรากแตกหัก แปลว่าให้น้ำน้อยไปค่ะ
  • ปุ๋ย อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือปุ๋ยนั่นเองค่ะ สำหรับสูตรการการให้ปุ๋ยกับแวนด้าแต่ละคนก็มีเทคนิคต่างกันออกไปค่ะ เช่น บางคนจะให้สูตร 21-21-21 สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และอย่าลืมฉีดพ่นยาเพื่อป้องกันโรคและแมลง โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนนะคะ

ในส่วนของคำถามที่ว่า  แวนด้า ออกดอกปีละกี่ครั้ง คงต้องบอกแบบนี้ค่ะว่า ระยะการออกดอกของแวนด้าในแต่ละพันธุ์นั้นแตกต่างกันค่ะ ส่วนใหญ่แล้วต้องรอประมาณ 2-3 ปี จึงจะเริ่มออกดอกค่ะ และจะออกดอกเฉลี่ยประมาณ 2-3 เดือนต่อครั้ง ในบางคนที่ปลูกแวนด้าและเลี้ยงดูอย่างดี ก็สามารถออกดอกได้ทุกเดือนเลยล่ะค่ะ ดังนั้น ถ้าจถามว่า แวนด้า ออกดอกปีละกี่ครั้ง ก็คงต้องสรุปว่าขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของแต่ละบุคคลค่ะ

วิธีดูแลต้นไม้

ประเภทของปุ๋ย สิ่งที่ช่วยทดแทนสารอาหารธรรมชาติที่สำคัญ 1000maideeบทความ

ประเภทของปุ๋ย สิ่งที่ช่วยทดแทนสารอาหารธรรมชาติที่สำคัญ

ประเภทของปุ๋ย สิ่งที่ช่วยทดแทนสารอาหารธรรมชาติที่สำคัญ

        เมื่อพืชดูดซึมแร่ธาตุในดินไปใช้ ทำให้สารอาหารในดินลดน้อยลงไป ปุ๋ยจึงเป็นสิ่งที่ช่วยทดแทนสารอาหารที่ธรรมชาติมีไม่พอ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของพืช ให้พืชเจริญเติบโตได้ดี มีผลผลิต สมบูรณ์ และยังถูกผลิตออกมาใช้งานแตกต่างกันออกไป ตามแต่ละประเภท ประเภทของปุ๋ย มีดังนี้

ปุ๋ยที่ผลิตด้วยการใช้เปลี่ยนสภาพของวัสดุมาเป็นปุ๋ย

  • ปุ๋ยอนินทรีย์ เกิดจากการเปลี่ยนสภาพ โดยสามารถแบ่งออกได้อีก 2 ประเภทคือ ปุ๋ยอนินทรีย์สังเคราะห์(มีสารอนินทรีย์) และปุ๋ยอนินทรีย์ธรรมชาติ (เกิดขึ้นตามธรรมชาติ) เช่น  ปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟต ปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟต เป็นต้น
  •  ปุ๋ยอินทรีย์ เป็นปุ๋ยที่ได้จากกระบวนการทางธรรมชาติ การหมัก บด จากพืชหรือสารอินทรีย์ ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยหมัก
  • ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ เป็นปุ๋ยที่ถูกผลิตด้วยกระบวนการความร้อนที่สูง ใช้ผสมกับปุ๋ยอินทรีย์และนำมาหมัก เพื่อใช้บำรุง และรักษาพืช ที่เป็นโรคต่าง ๆ
  • ปุ๋ยชีวภาพ เป็นปุ๋ยที่สามารถสังเคราะห์ได้ด้วยตนเอง และเปลี่ยนสารอาหารที่ไม่มีประโยชน์ให้เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ได้ ได้แก่ ปุ๋ยจุลินทรีย์ที่ผลิตไนโตรเจนด้วยตัวเอง และปุ๋ยจุลินทร์ทรีย์ที่ช่วยให้ฟอสฟอรัสคงอยู่ในดิน

แบ่งได้จากการผลิตปุ๋ยที่เกิดจากธรรมชาติและผลิตจากสารเคมี

  • ปุ๋ยธรรมชาติ เป็นปุ๋ยที่สร้างขึ้นตามกระบวนการทางธรรมชาติ และถูกเป็นนำมาใช้เป็นปุ๋ย เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยฟอสเฟต เป็นต้น
  • ปุ๋ยที่ถูกผลิตจากสารเคมี เป็นปุ๋ยที่เกิดจากสังเคราะห์ และแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ปุ๋ยที่มีแร่ธาตุเพียงตัวเดียว(ปุ๋ยเดี่ยว) และ ปุ๋ยผสม(ผสมสารอาหารตั้งแต่สองตัวขึ้นไป) เช่น ปุ๋ยยูเรีย ปุ๋ยแอมโมเนีย ปุ๋ยเม็ด 16-20-0 ปุ๋ยเม็ด 16-16-16 เป็นต้น

แบ่งตามธาตุอาหารเป็นหลัก

  • ปุ๋ยไนโตรเจน เป็นปุ๋ยจำพวกที่ประกอบด้วยสารอาหารไนโตรเจน ยกตัวอย่าง เช่น กระดูกป่น ปุ๋ยซูเปอร์ฟอสเฟต ปุ๋ยยูเรีย เป็นต้น
  • ปุ๋ยฟอสฟอรัส เป็นปุ๋ยจำพวกที่ประกอบด้วยสารอาหารฟอสฟอรัส ได้แก่ มูลสัตว์ต่าง ๆ ปุ๋ยหินฟอสเฟต เป็นต้น
  • ปุ๋ยโพแทสเซียม เป็นปุ๋ยจำพวกที่ประกอบด้วยสารอาหารโพรเทสเซียม ได้แก่ ปุ๋ยโพแทสเซียมคลอไรด์ 0-0-60 โพแทสเซียมแมกนีเซียมซัลเฟต โพแทสเซียมไนเตรต เป็นต้น

ประเภทของปุ๋ย สิ่งที่ช่วยทดแทนสารอาหารธรรมชาติที่สำคัญ

แบ่งตามเกรด

  • เกรดต่ำ : เป็นปุ๋ยที่มีสารอาหารน้อยไม่ถึง 15 %
  • เกรดปานกลาง : ปุ๋ยที่มีปริมาณสารอาหารเพียง 15-25 %
  • เกรดสูง : ปุ๋ยที่มีปริมาณสารอาหารถึง 30 %
  • เกรดเข้มข้น : ปุ๋ยที่มีปริมาณสารอาหารมากกว่า  30 %

เห็นได้ว่าปุ๋ยสามารถแบ่งประเภทได้หลากหลาย ขึ้นอยู่ว่าจะแบ่งด้วยวัสดุที่ใช้ผลิต , แบ่งด้วยวิธีทางธรรมชาติและทางกระบวนการทางเคมี หรือการแบ่งตามธาตุอาหารที่มีอยู่ในปุ๋ย ทั้งนี้เกษตรกรจะต้องคำนึงถึงปัญหาของดิน หรือระยะเวลาในการใส่ปุ๋ย เพื่อให้พืชได้รับสารอาหารอย่างถูกต้อง

วิธีดูแลต้นไม้

ข้อควรปฏิบัติในการใช้อุปกรณ์ทางการเกษตร 1000maidee บทความ

ข้อควรปฏิบัติในการใช้ อุปกรณ์ทางการเกษตร

ข้อควรปฏิบัติในการใช้ อุปกรณ์ทางการเกษตร 

อุปกรณ์ทางการเกษตรเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกร เป็นเครื่องทุ่นแรงของชาวสวนอย่างเรา ๆ การดูแลรักษาอุปกรณ์หลังการใช้งานก็สำคัญเช่นกัน เพราะเราคงไม่ต้องการให้มันสูญหาย จากการเก็บไม่เป็นที่ หรือผุพังเพราะไม่ได้ทำความสะอาด อุปกรณ์ทางการเกษตรมีหลายชนิด และจะมีข้อควรปฏิบัติหลังการใช้อย่างไรบ้างเราไปดูกันเลย

ข้อควรปฏิบัติในการใช้ อุปกรณ์ทางการเกษตร

ทำไมเราจะต้องดูแลเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทางการเกษตร ? เพราะถ้าหากเราปล่อยทิ้งไว้ โดยที่ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ ทำให้เครื่องมือเสียหายจากสนิม หรือเราคงไม่อยากซื้ออุปกรณ์ใหม่เพียงเพราะหาเครื่องมือชิ้นเก่าไม่เจอใช่มั้ยล่ะ ทั้งนี้การดูแลเครื่องมืออยู่เสมอยังช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วยนะ

ข้อควรปฏิบัติในการใช้งานอุปกรณ์ทางการเกษตร

  • จัดหาพื้นที่สำหรับไว้เครื่องมือ โดยเราจะต้องจัดหาห้อง หรือ สถานที่ในการจัดเก็บเครื่องมือทางการเกษตรทั้งหมดไว้ด้วยกัน แบ่งสัดส่วนไว้อย่างชัดเจน และเพื่อความปลอดภัย จะต้องไว้ในที่ที่ห่างไกลจากเด็ก ๆ ในบ้านด้วย

ข้อควรปฏิบัติในการใช้ อุปกรณ์ทางการเกษตร

  • แยกอุปกรณ์ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ การแยกอุปกรณ์ชิ้นเล็ก หรือ ชิ้นใหญ่เข้าด้วยกัน และเก็บให้เป็นที่เป็นทาง ทำให้มีความเป็นระเบียบมากขึ้น ทั้งที่ยังทำให้สะดวกแก่การหยิบจับไปใช้งานอย่างทันท่วงทีอีกต่างหาก
  • อุปกรณ์เยอะจนจำไม่หมด หาสมุดมาช่วยจดได้ การบันทึกลงในสมุดว่าอุปกรณ์ที่เรามี มีอะไรบ้าง ทำให้ทราบว่ามีอะไรขาดหายไปหรือไม่

  • ซ่อมเมื่อพัง เป็นวิธีที่ช่วยดูแลให้อุปกรณ์ที่เรามีอยู่สามารถกลับมาใช้งานได้ดังเดิม และที่สำคัญถ้าหากเรายังไม่มีเวลาซ่อมแซม ให้เราแยกอุปกรณ์หรือเครื่องมือชิ้นนั้นไว้ต่างหากนะคะ เพื่อไม่ให้หลงหยิบมาใช้งานนั่นเอง
  • ดูแลหลังการใช้งาน อุปกรณ์ทุก ๆ อย่างถ้าหากเราใช้งานไปแล้วก็จะต้องทำความสะอาดหลังการใช้งานอยู่เสมอ เพื่อเป็นการถนอม รักษา เครื่องมือเหล่านั้น

  • ป้องกันสนิม อุปกรณ์และเครื่องมือมีทั้งแบบเหล็กและอะลูมีเนียม ในขณะที่เราใช้งานก็จะต้องโดนน้ำ หรือโดนคราบต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดสนิมได้ ดังนั้นวิธีการดูแลหลังการใช้งาน คือจะต้องนำมาเช็ดทำความสะอาดให้คราบเหล่านั้นหมดไป และถ้าหากเป็นอะลูมีเนียมก็ให้นำน้ำมันมาทาซ้ำอีกด้วย

การเก็บวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตรหลังจากที่เราเลิกใช้งาน ช่วยให้คงอายุของเครื่องมือนั้น ๆ และยังช่วยให้สะดวกแก่การหยิบจับ นำไปใช้งานได้อย่างทันท่วงที ไม่เพียงเท่านี้ การที่เราดูแลอุปกรณ์และเครื่องมืออย่างดีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ใช้งานได้อ่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผลผลิตก็จะดีตามมาค่ะ

วิธีดูแลต้นไม้

วิธีฟื้นต้นไม้ที่โคม่า เพราะโรคที่เกิดจากการรดน้ำ 1000maidee บทความ

วิธีฟื้นต้นไม้ที่โคม่า เพราะโรคที่เกิดจากการรดน้ำ

วิธีฟื้นต้นไม้ที่โคม่า เพราะโรคที่เกิดจากการรดน้ำ

       เหล่าคนรักต้นไม้คงตกใจกันไม่น้อย เมื่อต้นไม้สุดที่รัก มีอาการป่วย อย่างเช่น ใบไหม้ เป็นรอยสีเหลืองหรือสีน้ำตาล ซึ่งหลัก ๆ แล้วสาเหตุเหล่านี้เกิดการที่ดินชื้นจนเกินไป มีการระบายน้ำไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดความชื้นสะสม หรือการเกิดเชื้อราจากดินที่เสื่อมสภาพ เป็นต้นเหตุของโรคต่าง ๆ จะแก้อย่างไรนั้น ไปดูวิธีการดูแลรักษาที่เรานำมาฝากกันเลย

วิธีฟื้นต้นไม้ที่โคม่า เพราะโรคที่เกิดจากการรดน้ำ

ต้นไม้บางชนิดชอบน้ำ บางชนิดไม่ชอบน้ำ รวมถึงยังชอบแสงที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เราจะต้องศึกษา หากเราเข้าใจวิธีการดูแลที่ผิด อาจทำให้ต้นไม้ที่เรารักจากเราไปในที่สุด

  • โรครากเน่า สาเหตุที่ทำให้รากเน่าเป็นเพราะว่าการใช้วัสดุที่ปลูกแน่นเกินไป เมื่อรดน้ำทำให้น้ำขัง แฉะ และเกิดเชื้อรา วิธีสังเกตอาการป่วยของโรครากเน่าก็คือ โคนต้นจะเหลือง ใบเหี่ยว ให้แก้โดยการเปลี่ยนดินใหม่

  • โรคเน่าเละ สาเหตุที่เกิดโรคนี้เป็นเพราะว่าการให้น้ำเยอะ ทำให้น้ำขัง ส่งผลให้รากเปื่อยและเน่า วิธีสังเกตอาการป่วยของโรคเน่าเละก็คือ ใบเริ่มเหี่ยว ลำต้นเอน ไม่แข็งแรง วิธีแก้ก็คือให้เปลี่ยนดินใหม่

  • โรคโคนเน่า พบมากกับกิ่งก้านที่พึ่งตัดมาชำ วิธีสังเกตอาการป่วยของโรคโคนเน่าก็คือ โคนเหี่ยวเป็นสีน้ำตาล ใบเหี่ยว และจะพบเชื้อราเป็นจุดขาว ๆ วิธีแก้ก็คือให้ตัดโคนส่วนที่เน่าทิ้ง นำโคนที่ตัดแล้วไปแช่น้ำยาบำรุง และทาด้วยปูนแดง ก่อนปลูกใหม่

  • โรคราเม็ดผักกาด สาเหตุเกิดมาจากเชื้อราบนวัสดุที่ใช้ปลูก อย่างเช่น กาบมะพร้าว เมื่อน้ำที่เรารดไม่ถูกระบาย ทำให้เกิดความหมักหมม จนเป็นเชื้อรา วิธีสังเกตอาการป่วยของโรคราเม็ดผักกาดก็คือ จะพบเชื้อราสีขาว ปกคลุมอยู่บริเวณที่กำลังมีอาการ วิธีแก้คือให้เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ปปลูก และนำไปตากแดด

  • โรคใบจุด สาเหตุเกิดจากการวางต้นไม้ในที่อับ อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ทำให้เกิดเชื้อรา สังเกตอาการป่วยได้จาก ใบมีจุดสีน้ำตาลและมีรอบวงจุดสีเหลือง ถ้าหากอากาศร้อนจะยิ่งลามไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว วิธีแก้ให้ฉีดยาบำรุง และเปลี่ยนสถานที่วางใหม่

เชื้อราในดิน การรดน้ำในปริมาณเยอะๆ หรือแม้แต่แสงแดดที่จัดเกินไป ส่งผลให้ต้นไม้เกิดรอยไหม้ ใบช้ำน้ำ และเหี่ยวเฉา ถ้าปล่อยไว้นานก็อาจตายไปในที่สุด เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจมากสำหรับคนรักต้นไม้อย่างเรา ๆ ดังนั้นวิธีการดูแล วิธีแก้อาการป่วย เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

วิธีดูแลต้นไม้