กิตติ พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ
กิตติ พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ รุ่นใหญ่ เป็นชาวจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีผลงานและได้คว้ารางวัลการทำบอนไซในงานต่างๆ มากมาย ด้วยการที่มีใจรักทำให้เกิดบอนไซที่มีความละเอียด และประณีต อย่างมาก เพราะด้วยมีฝีไม้ลายมือที่ยอดเยี่ยมและหาใครเทียบได้ คนในวงการบอนไซต่างก็ต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี ในชื่อของ “ครูน้อย”
คุณ กิตติ พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ เล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยก่อนการเล่นบอนไซของคนส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการขุดต้นไม้จากธรรมชาติ ขุดตามหลังบ้าน หรือท้ายไร่ท้ายนา แล้วนำมาปลูกเลี้ยงเพื่อเป็นไม้ประดับ แต่ในปัจจุบันนี้ต้นไม้ที่เคยได้จากธรรมชาติเริ่มลดน้อยลงและหายาก ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาขยายพันธุ์ด้วยการตอน เพาะเมล็ด และตอนกิ่ง กันมากขึ้น แต่การทำบอนไซนั้นต้องอาศัยต้นตอที่สวยงามด้วย อย่างพวกไม้ที่เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง จะหาต้นตอยาก เพราะต้องใช้เวลาในการเลี้ยงค่อนข้างนาน แล้วส่วนใหญ่รากจะเล็ก ไม่ค่อย มีโขด หรือมีโคนราก ไม่เหมือนกับไม้ที่นำมาจากป่า จะมีโคนรากใหญ่ เป็นไม้ที่มีอายุเก่าแก่ เหมาะกับการมาทำเป็นบอนไซ
ครูน้อยกล่าวว่า ที่หลังบ้านได้ทำการสร้างตอไว้เหมือนกัน เพื่อเป็นแหล่งวัตุดิบสำรองให้กับตัวเอง ส่วนตัวครูน้อยมีความสนใจในไม้ไทยและได้นำไม้เด่นของเพชรบุรี อย่างเช่น เกล็ดปลาหมอ หนามพรม ไม้ซากเทียนทะเล หรือหมากเล็กหมากน้อย ตะโก เพรมน่า มะสัง มะขาม
ซึ่งแต่ละต้นจะมีข้อดีแตกต่างกันไป แต่เหมาะที่จะนำมาทำบอนไซอย่างยิ่ง ครูน้อยได้แนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลี้ยงบอนไซว่า เราต้องเลี้ยงในที่มีอากาศดี โปร่ง และแสงแดดดี จะทำให้ไม่มีโรค ส่วนการใส่ปุ่ย นานๆ ให้ใส่ครั้งหนึ่งก็พอ อาจจะใส่เป็นปุ๋ยเคมีบ้าง ปุ๋ยคอกบ้างก็ได้ ส่วนการตัดแต่งใบ ให้ใช้เป็นกรรไกรตัดจะดีกว่าการใช้มือเด็ด หรือการใช้มีด เพราะจะได้ไม่ไปทำให้กิ่งฉีกและตากิ่งเสียหาย ที่สำคัญมีไม้บางชนิดไม่ควรริดใบออกหมดเพราะจะทำให้ไม้ทิ้งกิ่ง ฉะนั้นในการริดใบจะต้องริดแบบเอาปลายใบไว้ด้วย
คุณ กิตติ พ่วงพานทอง นักเล่นบอนไซ กล่าวว่า การทำบอนไซ เป็นงานศิลปะ ที่ต้องคิดออกแบบให้ดูดี ซึ่งต้องใช้เวลา และยังต้องใช้ฝีมือในการทำอย่างมาก ซึ่งทุกครั้งที่ได้ทำบอนไซ จะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่ฟุ้งซ่าน มีสมาธิ ช่วยทำให้จิตใจสงบได้เป็นอย่างดี